นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยภายหลังการเป็นประธานเปิดงานสัมมนาเชิงวิชาการ นวัตกรรมทางการเงิน กับการเติบโตทางเศรษฐกิจว่า ภัยไซเบอร์เป็นความเสี่ยงรูปแบบใหม่ที่เกิดขึ้นทั่วโลก ไม่ใช่เฉพาะแค่สถาบันการเงิน แต่จะเกิดขึ้นได้ในทุกอุตสาหกรรม ดังนั้นจึงต้องมีระบบที่เท่าทันต่อการแก้ไขปัญหาอย่างรวดเร็ว และต้องทำงานร่วมกับภาคีต่าง ๆ เพื่อป้องกันภัยที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
ผู้ว่า ธปท. กล่าวว่า ธปท.ได้กำชับสถาบันการเงินทุกแห่งให้มีมาตรการป้องกันปัญหาไซเบอร์ ซึ่งที่ผ่านมาได้เชิญกรรมการธนาคารมาหารือ และได้กำชับให้สถาบันการเงินทุกแห่ง ต้องมีนโยบายระดับสูงของธนาคาร เกี่ยวกับการป้องกันภัยไซเบอร์ ไม่ใช่แค่ฝ่ายไอทีมาแก้ปัญหา นอกจากนี้ จะต้องมีการวางระบบ มีแผนงานตอบสนองในการแก้ไขปัญหาอย่างรวดเร็ว และมาตรการเยียวยาหากเกิดความเสียหายขึ้น ซึ่งสถาบันการเงินต้องรับผิดชอบต่อลูกค้า อย่างไรก็ตาม ปัญหาที่เกิดขึ้นทั้งหมด ยังไม่ส่งผลกระทบต่อสถาบันการเงินให้เกิดความเสียหาย
อย่างไรก็ดี เพื่อความไม่ประมาทจะต้องเพิ่มความเข้มงวดมากขึ้น เนื่องจากระบบการเงิน นอกจากจะเชื่อมโยงกับภาคเศรษฐกิจแล้ว ยังจะเชื่อมโยงไปถึงผู้ใช้บริการในระบบต่าง ๆ เพราะปัจจุบันการให้บริการทางการเงิน สามารถผ่านทางระบบมือถือ และใช้ในการชำระค่าบริการและค่าขนส่งได้ทั้งหมด ดังนั้นจะต้องประสานงานทุกหน่วยงานให้มากขึ้น
สำหรับกรณีธนาคารกสิกรไทย (KBANK)และธนาคารกรุงไทย (KTB) ที่ถูกแฮกข้อมูลลูกค้าเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา รวมทั้งแอพลิเคชั่นของธนาคารหลายแห่งไม่สามารถใช้งานในช่วงสุดสัปดาห์ พบว่าสถาบันการเงินทั้ง 2 แห่ง ตอบสนองและแก้ไขปัญหาอย่างรวดเร็ว ทำได้ดี น่าพอใจ ซึ่งสถานการณ์ที่เกิดขึ้นถือเป็นการทดสอบระบบการป้องกันและการตอบสนอง