นายปรีดี ดาวฉาย กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย ในฐานะประธานสมาคมธนาคารไทย ในฐานะประธานในการประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) กล่าวว่า กกร. ยังคงกรอบประมาณการ อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในปี 61 จะขยายตัว 4.3-4.8% ซึ่งเป็นกรอบประมาณการเมื่อเดือนก.ค. และการส่งออก คาดว่าจะเติบโต 7.0-10.0% และอัตราเงินเฟ้อจะอยู่ที่ 0.9-1.5% เนื่องจากเศรษฐกิจไทยยังรักษาแรงส่งของการเติบโตที่ดีได้ต่อเนื่อง จากแรงหนุนของการส่งออกและการท่องเที่ยว อีกทั้งมีแรงหนุนเพิ่มเติมจากการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนที่ขยายตัว และรายได้เกษตรกรที่กลับมาเป็นบวกติดต่อกันซึ่งจะช่วยประคองกำลังซื้อของฐานรากไม่ให้แย่ลง
ส่วนการปรับเป้าเศรษฐกิจนั้น กกร.จะมีการประเมินสถานการณ์ในทุกไตรมาส โดยรอบต่อไปจะพิจารณาในเดือน ต.ค.61 ซึ่งหากไม่มีการเปลี่ยนแปลงก็คงประมาณการไว้ตามเดิม
สำหรับในระยะข้างหน้ายังคงต้องติดตามประเด็นเศรษฐกิจต่างประเทศโดยเฉพาะการตอบโต้ทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ซึ่งแม้ว่าในปีนี้ผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทยยังมีจำกัด แต่ผลกระทบต่อการส่งออกของไทยอาจจะมีเพิ่มขึ้นในปีหน้าถ้าสหรัฐฯ เก็บภาษีจากจีนมากขึ้นทั้งรายการสินค้าและอัตราภาษี รวมทั้งจะส่งผลกระทบต่อทิศทางค่าเงินในภูมิภาคให้ยังมีแนวโน้มผันผวนอ่อนค่าลงตามการอ่อนค่าของเงินหยวนด้วย
สำหรับสถานการณ์อุทกภัยในประเทศในขณะนี้ เบื้องต้น กกร. ประเมินว่า สถานการณ์น่าจะไม่ก่อให้เกิดผลกระทบที่รุนแรงเท่ากับมหาอุทกภัยเมื่อปี 54 แม้ปริมาตรน้ำในเขื่อนทั่วประเทศอยู่ในระดับที่สูงกว่าช่วงเดียวกันของปี 54 เนื่องจากปริมาตรน้ำในเขื่อนที่สูงนั้น อยู่ในพื้นที่ภาคตะวันตกและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ แตกต่างจากในปี 54 ที่ผลกระทบเกิดขึ้นในพื้นที่ภาคเหนือและภาคกลางซึ่งเป็นแหล่งที่ตั้งของหลายนิคมอุตสาหกรรมเป็นหลัก รวมถึงการคาดการณ์จำนวนพายุที่จะเข้ามาในช่วงฤดูฝนที่เหลือของปีนี้ ที่น่าจะไม่มากเท่ากับในช่วงเดียวกันของปี 54
นายปรีดี กล่าวถึงความคืบหน้าการจัดทำ IFRS9 ว่า เริ่มมีความชัดเจนมากขึ้นว่าจะเริ่มใช้ในเดือน ม.ค.62 แต่ขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดทำรายละเอียดที่ต้องพิจารณาให้เหมาะสมกับสภาพธุรกิจในประเทศซึ่งมีความแตกต่างจากต่างประเทศ นอกจากนี้ยังมีปัจจัยอื่นที่อยู่นอกเหนือการควบคุม เช่น การเกิดภัยพิบัติ อย่างกรณีเขื่อนเซเปียน-เซน้ำน้อย ถึงแม้จะมีหลักเกณฑ์ในการปล่อยสินเชื่อตามมาตรฐานสากลอยู่แล้วก็ตาม
ด้านนายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ที่ผ่านมาผู้ประกอบการส่วนใหญ่ได้เตรียมมาตรการป้องกันปัญหาอุทกภัยไว้บ้างแล้ว เนื่องจากมีประสบการณ์ในอดีต ขณะที่การป้องกันปัญหาดังกล่าวในภาคเกษตรกรรมนั้นเป็นเรื่องที่ทำได้ยาก แต่ขอให้ทางการแจ้งข้อเท็จจริงให้ประชาชนได้รับทราบล่วงหน้าเพื่อเตรียมมาตรการรองรับได้ทัน ซึ่งจะช่วยบรรเทาผลกระทบให้น้อยลง
ส่วนปัญหาอัตราแลกเปลี่ยนนั้น สถานการณ์ค่าเงินบาทในขณะนี้ไม่น่ากังวลเนื่องจากเปลี่ยนแปลงไปตามภูมิภาค และไม่เกิดความผันผวนมากนัก
ขณะที่นายกลินท์ สารสิน ประธานกรรมการสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวถึงผลกระทบจากสงครามการค้าว่า ในภาพรวมนั้นส่งผลดีต่อไทย เพราะการที่สหรัฐฯและจีนต่างมีมาตรการกีดกันการค้าต่อกัน บริษัทของ 2 ประเทศที่เข้ามาลงทุนในไทยก็สามารถส่งออกไปได้แทน ขณะเดียวกันจะเป็นผลดีต่อสินค้าบางตัวที่จีนเป็นคู่แข่งของไทยในตลาดสหรัฐฯ
"การที่จีนส่งไปสหรัฐฯ ไม่ได้ หรือสหรัฐฯส่งไปจีนไม่ได้ ทั้งสองประเทศก็มีบริษัทที่มาลงทุนในไทย ซึ่งสามารถส่งออกไปได้แทน ผลกระทบทั้งสองด้านกลับเป็นผลดีต่อไทย" นายกลินท์ กล่าว
นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้แจ้งที่ประชุม กกร. ถึงความคืบหน้าในเรื่องการปฏิรูประบบราชการว่า ขณะนี้มีการแก้ไขกฎระเบียบราชการที่เป็นอุปสรรคมีความคืบหน้าไปมากแล้ว ซึ่งจะช่วยอำนวยความสะดวกต่อการทำธุรกิจได้ดีขึ้น คาดว่าภายในเดือนกันยายนนี้จะมีการแถลงความคืบหน้าในเรื่องดังกล่าวอีกครั้ง