ภาวะตลาดเงินบาท: ปิด 33.24 กลับมาแข็งค่าตามหยวน คาดกรอบ 33.15-33.30 ตลาดรอผลการประชุม กนง.บ่ายพรุ่งนี้

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday August 7, 2018 17:45 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้ที่ระดับ 33.24 บาท/ดอลลาร์ จากตอน เช้าที่เปิดตลาดที่ระดับ 33.35 บาท/ดอลลาร์ ระหว่างวันเคลื่อนไหวระหว่าง 33.24-33.36 บาท/ดอลลาร์

"วันนี้เงินบาทปิดตลาดที่ระดับแข็งค่าสุดของวัน โดยยังคงเคลื่อนไหวตามทิศทางค่าเงินหยวนเป็นปัจจัยชี้นำ ขณะที่ ดอลลาร์ถูกเทขายเมื่อเทียบกับสกุลอื่นๆ" นักบริหารเงิน กล่าว

อย่างไรก็ตาม ช่วงนี้ยังไม่มีตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญๆ และคาดว่าตลาดน่าจะรอดูผลการประชุมคณะกรรมการนโยบาย การเงิน (กนง.) ช่วงบ่ายวันพรุ่งนี้

ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทวันพรุ่งนี้ไว้ระหว่าง 33.15-33.30 บาท/ดอลลาร์

*ปัจจัยสำคัญ

  • เงินเยนอยู่ที่ 111.18 เยน/ดอลลาร์ จากตอนเช้าที่อยู่ที่ระดับ 111.32 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโรอยู่ที่ 1.1587 ดอลลาร์/ยูโร จากตอนเช้าที่อยู่ที่ระดับ 1.1555/57 ดอลลาร์/ยูโร
  • ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,707.26 จุด เพิ่มขึ้น 11.02 จุด, +0.65% มูลค่าการซื้อขาย 49,610.03 ล้านบาท
  • สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติซื้อสุทธิ 2,246.95 ลบ.(SET+MAI)
  • คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) กล่าวว่า กกร. ยังคงกรอบประมาณการ อัตราการขยายตัวของ
เศรษฐกิจไทยในปี 61 จะขยายตัว 4.3-4.8% ซึ่งเป็นกรอบประมาณการเมื่อเดือนก.ค. และการส่งออก คาดว่าจะเติบโต 7.0-
10.0% และอัตราเงินเฟ้อจะอยู่ที่ 0.9-1.5% เนื่องจากเศรษฐกิจไทยยังรักษาแรงส่งของการเติบโตที่ดีได้ต่อเนื่อง จากแรงหนุนของ
การส่งออกและการท่องเที่ยว อีกทั้งมีแรงหนุนเพิ่มเติมจากการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนที่ขยายตัว และรายได้เกษตรกรที่กลับ
มาเป็นบวกติดต่อกันซึ่งจะช่วยประคองกำลังซื้อของฐานรากไม่ให้แย่ลง

ส่วนการปรับเป้าเศรษฐกิจนั้น กกร.จะมีการประเมินสถานการณ์ในทุกไตรมาส โดยรอบต่อไปจะพิจารณาในเดือน ต. ค.61 ซึ่งหากไม่มีการเปลี่ยนแปลงก็คงประมาณการไว้ตามเดิม

  • มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึงทิศทางการส่งออกไทยในช่วงครึ่งปีหลัง 561 โดยคาดว่าจะขยายตัวได้
5.5% คิดเป็นมูลค่าราว 129,990 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ทั้งปีนี้คาดว่าการส่งออกไทยจะขยายตัวได้ 7.3-8.9% หรือเฉลี่ย
8.1% คิดเป็นมูลค่าราว 255,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยได้ประเมินผลกระทบจากสงครามการค้ารวมไว้แล้ว
  • กระทรวงการคลังจะจัดสรรวงเงินจำหน่ายพันธบัตรออมทรัพย์ของกระทรวงการคลังในปีงบประมาณ พ.ศ. 2561
ครั้งที่ 2 เพิ่มเติม จำนวน 25,000 ล้านบาท ตามรุ่นอายุและอัตราดอกเบี้ยเดิม คือเป็นพันธบัตรแบบไร้ใบตราสาร
(Scripless) รุ่นอายุ 5 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ 2.15% ต่อปีและรุ่นอายุ 10 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ 3.00% ต่อปี โดยเริ่มจำหน่าย
ตั้งแต่วันที่ 14 สิงหาคม 2561 จนถึงวันที่ 10 กันยายน 2561 เนื่องจากยังมีความต้องการซื้อจากประชาชนอย่างต่อเนื่อง
  • หอการค้าญี่ปุ่น-กรุงเทพฯ (JCCB) เผยว่า บริษัทญี่ปุ่นที่ดำเนินงานในประเทศไทยมีความเชื่อมั่นทางธุรกิจเพิ่มขึ้น
เนื่องจากการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมยานยนต์และได้ส่งผลในด้านบวกไปยังอุตสาหกรรมในภาคอื่น
  • มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส เปิดเผยว่า สถานการณ์ความขัดแย้งทางการค้าล่าสุดระหว่างสหรัฐและจีนนั้น กำลัง
ขยายวงไปยังบริษัทจีนที่มูดี้ส์ได้เคยจัดอันดับความน่าเชื่อถือไว้ อันเนื่องมาจากการจัดเก็บภาษีของสหรัฐ

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ