สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) เผยผลสำรวจความเชื่อมั่นนักลงทุนต่างชาติในไทยประจำปี 2561 สูงสุดในรอบ 5 ปี นักลงทุนต่างชาติ 98.5% ยันเดินหน้าลงทุนในไทย ทั้งขยายการลงทุนเพิ่ม และรักษาระดับการลงทุนไม่เปลี่ยนแปลง ชูความพร้อมด้านอุตสาหกรรมสนับสนุน และสิทธิประโยชน์ทางภาษี เป็นปัจจัยหลักที่นักลงทุนตัดสินใจลงทุนในไทย
น.ส.ดวงใจ อัศวจินตจิตร์ เลขาธิการ BOI เผยผลการสำรวจความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติในประเทศไทย ประจำปี 2561 จากจำนวน 600 บริษัทที่ตอบแบบสอบถาม พบว่า นักลงทุนต่างชาติ 98.5% มีแผนการลงทุนในไทยอย่างต่อเนื่อง สูงสุดในรอบ 5 ปี เมื่อเทียบกับผลสำรวจที่ผ่านมานับตั้งแต่ปี 2557 โดยนักลงทุนต่างชาติ 33% มีแผนจะขยายการลงทุนในประเทศไทย และนักลงทุนอีก 65.5% ยังรักษาระดับการลงทุนในไทยไม่เปลี่ยนแปลง ส่วนนักลงทุนที่มีแผนลดระดับการลงทุนตามสภาวะธุรกิจมีสัดส่วนเพียง 1.5% เท่านั้น
สำหรับปัจจัยที่ทำให้นักลงทุนวางแผนจะขยายการลงทุน รวมทั้งยังคงเดินหน้ารักษาการลงทุนในไทยนั้น พบว่า 3 ลำดับแรก คือ การมีวัตถุดิบและชิ้นส่วนเพียงพอ 54.7% รองลงมาคือ การมีผู้รับช่วงการผลิต (ซัพพลายเออร์) ที่เพียงพอ 50.8% ตามด้วยมีสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่จูงใจให้เกิดการลงทุนในประเทศไทย 44.5%
"ปัจจัยด้านอุตสาหกรรมสนับสนุน ทั้งในส่วนของการมีชิ้นส่วน วัตถุดิบ และซัพพลายเออร์ที่เพียงพอ ถือเป็นจุดแข็งของประเทศไทย ซึ่ง BOI และหน่วยงานภาครัฐได้เน้นการพัฒนาอุตสาหกรรมสนับสนุนในประเทศมาอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ปัจจัยด้านสิทธิประโยชน์ทางภาษีนั้น BOI ได้ออกมาตรการส่งเสริมการลงทุนใหม่ๆ ให้สอดรับกับการเปลี่ยนแปลงทั้งด้านเทคโนโลยีและสภาวะการแข่งขันทางธุรกิจ" น.ส.ดวงใจ กล่าว
นอกจากนี้ การสำรวจยังได้สอบถามถึงความพึงพอใจต่อบริการของ BOI พบว่า นักลงทุนมีความพึงพอใจต่อบริการของ BOI เพิ่มสูงขึ้นในแทบทุกด้าน ได้แก่ ภาพรวมการให้บริการ สิทธิประโยชน์ที่ได้รับจาก BOI บริการที่ได้รับจากศูนย์บริการวีซ่าและใบอนุญาตทำงาน บริการข้อมูลทางเว็บไซต์ บริการจากศูนย์ประสานการบริการด้านการลงทุน (OSOS) และความง่ายในการเข้าถึงบริการ ตลอดจนความรวดเร็ว เป็นต้น
ขณะที่สิ่งที่นักลงทุนต้องการให้มีการปรับปรุงคือ ระบบราชการ เพื่อให้มีประสิทธิภาพ อาทิ การยกเลิกใบอนุญาตหรือกระบวนการที่ไม่จำเป็น การปรับปรุงระบบภาษีให้มีขั้นตอนที่ง่ายและสะดวกมากขึ้น และการปรับปรุงขั้นตอนในการขอรับสิทธิประโยชน์ด้านการลงทุน ซึ่งหน่วยงานภาครัฐต่างๆ ก็ให้ความสำคัญต่อการปรับปรุงบริการอย่างต่อเนื่อง