นายจู จือกัง รัฐมนตรีช่วยกระทรวงการคลังของจีนประกาศในแถลงการณ์ผ่านเว็บไซต์ว่า กระทรวงการคลังได้เสนอปรับขึ้นภาษีทรัพยากรกับผลผลิตน้ำมันดิบที่ระดับ 10% โดยจะจัดเก็บในขั้นแรก 5%
นายกอร์ดอน ควาน นักวิเคราะห์น้ำมันและก๊าซจากซีแอลเอสเอกล่าวแสดงความสงสัยเรื่องความเคลื่อนไหวครั้งนี้ว่า นโยบายดังกล่าวอาจเพิ่มแรงกดดันให้ราคาผลิตภัณฑ์น้ำมันในประเทศสูงขึ้น และอาจเป็นปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อการลงทุนในภาคธุรกิจดังกล่าวด้วย
"ผมไม่คิดว่านั่นเป็นทางออกที่ดี" ควานกล่าว
นโยบายปรับขึ้นภาษีด้านทรัพยากรในครั้งนี้ เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการกระตุ้นให้เกิดการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ โดยจีนได้ออกโครงการนำร่องในลักษณะเช่นเดียวกันนี้กับภาคธุรกิจถ่านหิน ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อกระตุ้นให้บริษัทต่างๆปรับปรุงการดำเนินงานให้ดีขึ้น
ทั้งนี้ นายจูกล่าวว่า ภาษีดังกล่าวจะสร้างรายได้ให้กับภาครัฐในประเทศ และจะช่วยหนุนความพยายามในการรักษาสิ่งแวดล้อม
แม้ว่าผู้ผลิตน้ำมันอื่นๆ อาทิ รัสเซีย และเวเนซูเอล่า จะมีภาษีน้ำมันดิบสูงกว่า แต่ประเทศเหล่านั้นต้องการรายได้ แต่ไม่ใช่กับจีน" นายควานกล่าว
"สหรัฐเองก็มีระบบจัดเก็บภาษีเช่นเดียวกันนี้ แต่มาตรการดังกล่าวส่งผลกระทบในแง่ลบกับการลงทุนและทำให้ผลผลิตลดลง พวกเขาจึงต้องกลับมาพึ่งพาการนำเข้ามากขึ้น" เขากล่าว
นายจูกล่าวว่า ภาษีด้านทรัพยากรเกี่ยวกับน้ำมันดิบจะได้รับการปรับเปลี่ยนบนพื้นฐานของราคาน้ำมัน โดยนโยบายปัจจุบันเป็นการจัดเก็บภาษีที่ขึ้นอยู่กับปริมาณน้ำมันที่ระดับ 30 หยวนต่อตัน สำนักข่าวซินหัว ไฟแนนซ์รายงาน
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย วณิชชกร ควรพินิจ/สุนิตา โทร.0-2253-5050 ต่อ 315 อีเมล์: sunita@infoquest.co.th--