นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้ที่ระดับ 33.36 บาท/ดอลลาร์ จากเย็น วันศุกร์ (10 ส.ค.) ที่ปิดตลาดที่ระดับ 33.27 บาท/ดอลลาร์
"บาทอ่อนตามสถานการณ์โลก หลังตลาดเกิดใหม่ถูกกดดันจากประเด็นค่าเงินตุรกีที่อ่อนค่ามาก ซึ่งค่าเงินตุรกีอ่อนค่ามา อย่างต่อเนื่องอยู่แล้ว มาโดนสหรัฐฯประกาศจะขึ้นภาษีเหล็กอีก 2 เท่ายิ่งทำให้ค่าเงินเงินตุรกีอ่อนค่าหนัก..ประเด็นนี้ส่งผลให้ตลาด เกิดใหม่รวมทั้งค่าเงินบาทพากันอ่อนค่า ขณะที่คนกลับไปถือครองดอลลาร์ด้วย"นักบริหารเงิน กล่าว
นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทระหว่าง 33.20-33.45 บาท/ดอลลาร์
THAI BAHT FIX 3M (10 ส.ค.) อยู่ที่ระดับ 1.29871% ส่วน THAI BAHT FIX 6M อยู่ที่ระดับ 1.38501%
- ปัจจัยสำคัญ
- เงินเยนอยู่ที่ 110.70 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวันศุกร์ (10 ส.ค.) ที่อยู่ที่ 110.94 เยน/ดอลลาร์
- เงินยูโรอยู่ที่ 1.1407 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวันศุกร์ (10 ส.ค.) ที่อยู่ที่ 1.1457 ดอลลาร์/ยูโร
- อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท.อยู่ที่ระดับ 33.2540 บาท/
ดอลลาร์
- ธนาคารกสิกรไทย ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทสำหรับสัปดาห์นี้ (14-17 ส.ค.) คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ
33.10-33.60 บาทต่อดอลลาร์ โดยจุดสนใจของตลาดน่าจะอยู่ที่ประเด็นทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และประเทศคู่ค้า ขณะที่ข้อมูล
เศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญในระหว่างสัปดาห์ ได้แก่ ยอดค้าปลีก ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม ดัชนีราคานำเข้า/ส่งออก ข้อมูลการเริ่ม
สร้างบ้าน และการขออนุญาตก่อสร้างเดือนก.ค. รวมถึงผลสำรวจกิจกรรมการผลิตของเฟดสาขานิวยอร์กและเฟดสาขาฟิลาเดลเฟีย
ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (เบื้องต้น) เดือนส.ค. นอกจากนี้ ตลาดอาจมีจุดสนใจเพิ่มเติมที่เครื่องชี้เศรษฐกิจเดือนก.ค.ของจีน และ
ข้อมูลจีดีพีไตรมาส 2/2561 ของยูโรโซนด้วยเช่นกัน
- TMB Analytics คาดว่าจากความพร้อมของปัจจัยต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเศรษฐกิจที่ขยายตัวได้เกินระดับศักยภาพทำให้
เงินเฟ้อเริ่มปรับสูงขึ้น พฤติกรรมการลงทุนที่เปลี่ยนไปลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงขึ้น อีกทั้งการรักษา policy space เพื่อรับ
มือกับความเสี่ยงในอนาคต จะสนับสนุนให้ กนง. ขึ้นดอกเบี้ยนโยบายได้ในช่วงไตรมาส 4 ของปีนี้ โดยการรักษา policy space
เป็นเรื่องสำคัญในการดำเนินนโยบายการเงิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาวะที่เศรษฐกิจต้องเผชิญความเสี่ยงที่จะสูงขึ้นในอนาคต
- เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เปิดเผยว่า จะรายงานภาวะเศรษฐกิจ
ประจำไตรมาส 2/2561 ต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันที่ 20 ส.ค.นี้ ซึ่งคาดว่าตัวเลขอัตราการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมใน
ประเทศ (จีดีพี) จะออกมาไม่แตกต่างจากไตรมาสที่ผ่านมามากนัก โดยข้อมูลเศรษฐกิจช่วงไตรมาส 2-3 ยังเติบโตได้ดีต่อเนื่อง
- ธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า ธนาคารไม่ได้มุ่งลดสาขาอย่างมีนัยสำคัญ แต่พิจารณาตามความเหมาะสม โดยธนาคาร
ยังเปิดสาขาใหม่ในจุดที่เป็นกลยุทธ์ แต่จุดไหนความต้องการสาขาน้อยลง และสาขาใกล้เคียงรองรับได้ก็จะควบรวม คาดว่าสิ้นปีนี้
จำนวนสาขาสุทธิไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก
- อธิบดีกรมบังคับคดี เปิดเผยว่า กรมบังคับคดีได้ร่วมมือกับศูนย์วิจัยกฎหมายและการพัฒนา คณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์
มหาวิทยาลัย เพื่อให้ดำเนินการศึกษาและวิจัยการบังคับคดี ทรัพย์ดิจิทัล โดยได้ดำเนินศึกษารูปแบบของต่างประเทศ รวมถึงการ
วิเคราะห์กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์ดิจิทัลทั้งหมดในประเทศไทย เพื่อนำมาวางแผนกำหนดแนวทางการบังคับคดีในประเทศไทย
รวมถึงศึกษาหลักเกณฑ์การประเมินมูลค่าเพื่อการขายทอดตลาด ซึ่งคาดว่าจะดำเนินการเสร็จในเดือน พ.ย. 2561
- "พาณิชย์" ห่วงจีนปรับอัตราภาษีใหม่ปี 61 ทำภาษีนำเข้าข้าวและผลิตภัณฑ์ข้าว 5 รายการ ขึ้นพรวดจาก 5% เป็น
50% พร้อมจับมือกรมศุลกากรสหรัฐเตรียมตรวจเข้มสินค้าส่งออกจากไทยไปสหรัฐ เน้นเหล็กและอะลูมิเนียมที่โดนมาตรา 232 สินค้าที่
ถูกใช้มาตรการเอดี สั่งตรวจเข้มใบซี/โอ หวั่นถูกแอบอ้างแหล่งกำเนิดเพื่อส่งออกไปสหรัฐ
- คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต เปิดเผยว่า สงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกากับจีน อาจขยายวง
มากขึ้น และส่งผลกระทบต่อระบบการค้าโลก ระบบการผลิตโลก และเศรษฐกิจโลกมากกว่าที่คาดการณ์ไว้เดิม ขณะที่ประเทศไทยจะ
ได้รับผลกระทบเพิ่มขึ้น โดยอาจจะขยายวงกว้างมากกว่าการตั้งกำแพงภาษีตอบโต้กัน ทั้งนี้ อาจเกิดกระแสการรณรงค์ต่อต้านสินค้า
ของประเทศคู่ขัดแย้งเป็นสัญญาณอันตรายต่อระบบการค้าโลกและสันติภาพ สหรัฐอเมริกาอาจบีบจีนด้วยกฎหมายทรัพย์สินทางปัญญา
พร้อมมาตรการกำหนดโควต้า ในขณะที่จีนอาจลดค่าเงินหยวนและเทขายพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ ส่งผลต่อความผันผวนในตลาดการเงิน
โลก
- ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (13 ส.
ค.) เนื่องจากนักลงทุนแห่เข้าซื้อดอลลาร์ในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย ท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับการร่วงลงของค่าเงินตุรกี
และผลกระทบที่จะลุกลามไปยังประเทศต่างๆ
- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงหลุดจากระดับ 1,200 ดอลลาร์เป็นครั้งแรกในรอบ 17 เดือนเมื่อคืนนี้ (13 ส.
ค.) เนื่องจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ได้สร้างแรงกดดันต่อตลาดทองคำ ท่ามกลางวิกฤตการณ์ด้านการเงินที่เกิดขึ้นหลังจาก
สกุลเงินลีราของตุรกีดิ่งลงอย่างหนัก
- ประธานาธิบดีตุรกี ได้ออกมาวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลสหรัฐอย่างรุนแรง โดยอ้างว่าสหรัฐหวังที่จะ "แทงตุรกีข้างหลัง"
ด้วยการใช้มาตรการคว่ำบาตร
- นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึง ยอดค้าปลีกเดือนก.ค., ดัชนีภาคการผลิต (Empire
State Manufacturing Index) เดือนส.ค.จากเฟดนิวยอร์ก, การผลิตภาคอุตสาหกรรม-การใช้กำลังการผลิตเดือนก.ค.,
สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนมิ.ย., ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนส.ค. จากสมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB), จำนวนผู้ขอรับ
สวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนก.ค.