นายณัฐพร จาตุศรีพิทักษ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติหลักการร่าง พ.ร.ฎ.จัดตั้งศูนย์รับคำขออนุญาต ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (สำนักงาน ก.พ.ร.) เสนอ โดยจะเป็นการจัดตั้งศูนย์รับคำขออนุญาตขึ้นเป็นส่วนราชการในสังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางในการรับคำขอตามกฎหมายว่าด้วยการอนุญาต โดยมีหน้าที่รับและส่งต่อคำขออนุญาตให้แก่หน่วยงานที่มีอำนาจในการอนุญาตตามกฎหมายนั้นๆ ซึ่งจะมีกฎหมายที่อยู่ภายใต้การดำเนินการของศูนย์ดังกล่าวรวม 75 ฉบับ เช่น ประมวลกฎหมายที่ดิน, ประมวลรัษฎากร, พ.ร.บ.สถานบริการ, พ.ร.บ.ทะเบียนพาณิชย์ เป็นต้น โดยเบื้องต้นจะมีบุคลากรของศูนย์ฯ จำนวน 25 อัตรา คาดว่าจะใช้งบประมาณในระยะแรกราว 35 ล้านบาท
การจัดตั้งศูนย์รับคำขออนุญาตนี้ สำนักงาน ก.พ.ร.ได้วิเคราะห์ความคุ้มค่าเพื่อให้การดำเนินงานของศูนย์ฯ ครอบคลุม 3 ด้านหลัก คือ การนำระบบเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ในการบริหารจัดการ, การอำนวยความสะดวกให้ผู้รับบริการ และการลดความซ้ำซ้อนในการทำงาน ช่วยให้เกิดความคุ้มค่าทั้งในส่วนของภาครัฐและประชาชนผู้ยื่นคำขอ ทั้งด้านระยะเวลาการเดินทางมาติดต่อราชการ ด้านค่าใช้จ่ายอื่นๆ อีกทั้งยังเกิดความคุ้มค่าในเชิงเศรษฐกิจ ซึ่งส่งผลต่อความสามารถหรือความได้เปรียบในเชิงแข่งขันของธุรกิจด้วย
"หลักการของศูนย์นี้จะเป็นศูนย์กลางการรับเรื่อง เราไปที่ศูนย์นี้ที่เดียว ส่วนเอกสารใดที่ต้องใช้ซ้ำกัน ก็ให้ยื่นแค่ฉบับเดียว แล้วศูนย์ฯ ก็จะกระจายเอกสารเหล่านี้ไปยังหน่วยราชการต่างๆ จะใช้ระยะเวลาไม่นาน เพราะปัจจุบันก็มีการส่งข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์กันหมดแล้ว ยื่นเรื่องวันนี้ เรื่องก็ไปถึงหน่วยราชการต่างๆ ภายในวันเดียวกัน" ที่ปรึกษารัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุ
นายณัฐพร กล่าวว่า ในเบื้องต้นศูนย์รับคำขออนุญาตจะเปิดให้บริการในการยื่นคำขออนุญาตจัดตั้ง 2 ธุรกิจเฉพาะในเขตกรุงเทพฯ ก่อน คือ ธุรกิจร้านอาหาร และธุรกิจค้าปลีก และภายในสิ้นปี 2561 จะขยายการให้บริการเพิ่มอีก 7 กลุ่มธุรกิจ ประกอบด้วย รีสอร์ทขนาดเล็ก, สปา, ฟิตเนส, ก่อสร้างและรับเหมาก่อสร้าง, ซ่อมและขายอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์, สถานพยาบาลสัตว์เลี้ยงขนาดเล็ก, ร้านกาแฟ และ Co-working space โดยระยะต่อไปจึงจะขยายให้สามารถรับคำขออนุญาตได้ครบทั้ง 25 กลุ่มธุรกิจ เช่น การขายสินค้าออนไลน์, เกษตรปลอดสารพิษ, คาร์แคร์, คลินิกเสริมความงาม, ท่องเที่ยว, ขนส่ง-โลจิสติกส์, การเงิน, การให้คำปรึกษาด้านกฎหมายและบัญชี และธุรกิจพลังงานทดแทนและขายกระแสไฟฟ้าให้ภาครัฐ เป็นต้น