นายอดุลย์ โชตินิสากรณ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยถึงกรณีที่มีการกล่าวหารัฐบาลไร้ความสามารถในการส่งออกข้าวที่ชาวนาผลิตได้ในประเทศและการขยายตลาดข้าวไทยในต่างประเทศว่า กรมฯ ขอยืนยันว่าไทยมีการส่งออกข้าวไปยังตลาดต่างประเทศได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในทุกตลาด โดยมีสถิติส่งออกตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-14 ส.ค.61 เป็นตัวเลขยืนยัน โดยไทยสามารถส่งออกข้าวปริมาณรวม 6.99 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 2% มูลค่า 3,523 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 19.15% หรือประมาณ 111,987 ล้านบาท ชนิดข้าวที่ไทยส่งออกมากเป็นอันดับ 1 คือ ข้าวขาว (51%) รองลงมาได้แก่ ข้าวนึ่ง (25%) และข้าวหอมมะลิไทย (16%)
อย่างไรก็ตาม เมื่อดูตามสถิติกรมศุลกากรในช่วงเดือนม.ค.-มิ.ย.61 พบว่าปริมาณการส่งออกข้าวไทยในตลาดหลักเพิ่มขึ้น โดยตลาดอาเซียน เช่น อินโดนีเซีย ส่งออก 546,330 ตัน มูลค่า 7,780 ล้านบาท ปริมาณเพิ่มขึ้น 696% ฟิลิปปินส์ ส่งออก 345,366 ตัน มูลค่า 4,681 ล้านบาท ปริมาณเพิ่มขึ้น 25.37% มาเลเซีย ส่งออก 234,556 ตัน มูลค่า 3,049 ล้านบาท ปริมาณเพิ่มขึ้น 53.07%
ส่วนตลาดอเมริกาเหนือ ได้แก่ สหรัฐฯ ส่งออก 261,319 ตัน มูลค่า 8,814 ล้านบาท ปริมาณเพิ่มขึ้น 8.84% แคนาดา ส่งออก 37,540 ตัน มูลค่า 1,242 ล้านบาท ปริมาณเพิ่มขึ้น 2.87% และเม็กซิโก ส่งออก 2,559 ตัน มูลค่า 336 ล้านบาท ปริมาณเพิ่มขึ้น 973%
ตลาดแอฟริกา เช่น แอฟริกาใต้ ส่งออก 345,366 ตัน มูลค่า 4,682 ล้านบาท ปริมาณเพิ่มขึ้น 12.01% เคนยา ส่งออก 113,366 ตัน มูลค่า 1,518 ล้านบาท ปริมาณเพิ่มขึ้น 7.04% โตโก ส่งออก 105,357 ตัน มูลค่า 1,279 ล้านบาท ปริมาณเพิ่มขึ้น 154.72%
ตลาดยุโรป เช่น สหราชอาณาจักร ส่งออก 41,628 ตัน มูลค่า 880 ล้านบาท ปริมาณเพิ่มขึ้น 40.52% และฝรั่งเศส ส่งออก 20,846 ตัน มูลค่า 628 ล้านบาท ปริมาณเพิ่มขึ้น 7.01%
นอกจากนี้ ไทยยังอยู่ระหว่างทยอยส่งมอบข้าวปริมาณ 120,000 ตัน ให้รัฐบาลฟิลิปปินส์ตามสัญญา G to G ซึ่งคาดว่าจะส่งแล้วเสร็จในเดือนส.ค.นี้ ซึ่งไม่รวมการส่งมอบข้าวให้รัฐบาลฟิลิปปินส์ของเอกชนไทยที่ชนะการประมูลปริมาณ 212,500 ตัน และมีกำหนดส่งมอบในช่วงเดือนส.ค.เช่นเดียวกัน
นายอดุลย์ กล่าวว่า ในปัจจุบันรัฐบาลยังมุ่งเน้นผลักดันให้เกษตรกรชาวนาทำการผลิตและส่งออกข้าวที่มีมูลค่าเพิ่มมากขึ้น อาทิ กลุ่มข้าวสีและข้าวเพื่อสุขภาพ เช่น ข้าวไรซ์เบอร์รี่ ข้าวหอมนิล ข้าวสังข์หยด และข้าว กข 43 เป็นต้น เพื่อยกระดับรายได้และสร้างความมั่นคงอย่างยั่งยืน
ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ยังได้ร่วมกับภาคเอกชนในการเร่งจัดกิจกรรมประชาสัมพันธ์และขยายตลาดข้าวเชิงรุก โดยมุ่งเน้นกลุ่มตลาดที่มีศักยภาพสูง เช่น สหภาพยุโรป สหรัฐฯ ฮ่องกง และสิงคโปร์ ซึ่งผู้บริโภคในตลาดดังกล่าวหันมาใส่ใจสุขภาพมากขึ้น และมีแนวโน้มหันมารับประทานอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการมากขึ้น ซึ่งเป็นโอกาสดีในการเจาะตลาดและจำหน่ายข้าวไทยที่มีมูลค่าเพิ่มได้มากขึ้น