นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง กล่าวถึงการประมาณการตัวเลขเศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่ 2/61 จากการประเมินของหน่วยงานต่างๆ ว่า เศรษฐกิจจะดีขึ้น ซึ่งในส่วนของกระทรวงการคลังก็ประเมินว่าเศรษฐกิจไทยโดยภาพรวมถือว่าดีขึ้นเช่นกัน
ทั้งนี้ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ฯ มีกำหนดแถลงตัวเลข GDP ไตรมาส 2/61 ในวันที่ 20 ส.ค.นี้
รมว.คลัง กล่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐ ได้รับทราบกรอบการใช้เงินงบประมาณที่รัฐบาลใช้ในการรับภาระชดเชยค่าใช้จ่าย หรือเป็นเงินก้อนที่รัฐบาลต้องสูญเสียรายได้จากการดำเนินนโยบายด้านต่างๆ เช่น การชดเชยดอกเบี้ย และการค้ำประกันสินเชื่อให้กับผู้ประกอบการ SMEs ในปีงบประมาณ 2562 โดยมีกรอบวงเงินที่สามารถนำไปใช้ได้ประมาณ 1.2 แสนล้านบาท
ทั้งนี้ กรอบวงเงินดังกล่าวในปีงบประมาณ 2561 เหลืออยู่ประมาณ 10,000 ล้านบาท แต่เมื่อเริ่มต้นปีงบประมาณใหม่ประจำปี 2562 จะมีวงเงินเพิ่มขึ้นมาเป็น 1.2 แสนล้านบาท ซึ่งเงินที่เพิ่มขึ้นนั้นมาจากการจัดทำงบประมาณรายจ่ายปีงบประมาณปี 2562 ที่เพิ่มขึ้นจาก 2.9 ล้านล้านบาท เป็น 3 ล้านล้านบาท และมาจากงบชำระหนี้ที่เพิ่มขึ้น ทำให้หนี้ที่ต้องชำระลดลงไป จึงทำให้มีกรอบวงเงินที่ใช้เพิ่มขึ้น
รมว.คลัง กล่าวว่า ปัจจุบันเงินที่รัฐบาลใช้ในการชดเชยค่าใช้จ่ายต่างๆ มีรวมกันประมาณ 8 แสนล้านบาท ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นเงินจากการรับจำนำข้าวกว่า 500,000 ล้านบาท
สำหรับกรอบงบประมาณดังกล่าว อยู่ภายใต้ พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ.2561 ตามสัดส่วนสำหรับใช้เป็นกรอบวินัยในการมอบหมายให้หน่วยงานของรัฐดำเนินงาน ซึ่งรัฐบาลรับภาระที่จะชดเชยค่าใช้จ่าย หรือการสูญเสียรายได้ให้ โดยกำหนดอัตราการชดเชยค่าใช้จ่าย หรือการสูญเสียรายได้ของหน่วยงานรัฐในการดำเนินการตามที่ได้รับมอบหมาย ต้องมียอดคงค้างรวมกันไม่เกินอัตรา 30% ของงบประมาณรายจ่ายประจำปี
ส่วนคดีโกงเงินบิตคอยน์ที่เกิดขึ้นในช่วงนี้นั้น รมว.คลัง ระบุว่า ได้มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เข้าไปดูแลในเรื่องนี้แล้ว