น.ส.กุลยา ตันติเตมิท ผู้ตรวจราชการกระทรวงการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เผยช่วง 10 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2561 (ต.ค.60-ก.ค.61) รัฐบาลจัดเก็บรายได้สุทธิจำนวน 2,027,375 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการตามเอกสารงบประมาณ 67,253 ล้านบาท หรือ 3.4% และสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว 6.3% เนื่องจากการจัดเก็บรายได้ของหน่วยงานอื่นและการนำส่งรายได้ของรัฐวิสาหกิจสูงกว่าประมาณการ 25,241 และ 25,220 ล้านบาท หรือ 17.5% และ 20.8% ตามลำดับ โดยภาษีที่จัดเก็บได้สูงกว่าเป้าหมายที่สำคัญ ได้แก่ ภาษีเงินได้ปิโตรเลียม ภาษีรถยนต์ และภาษียาสูบ
"ปีงบประมาณ 2561 นี้ กระทรวงการคลังมีความมั่นใจว่า จะจัดเก็บรายได้รัฐบาลสุทธิได้ตามเป้าหมายที่วางไว้" น.ส.กุลยา กล่าว
สำหรับผลการจัดเก็บรายได้รัฐบาลสุทธิในช่วง 10 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2561 ตามหน่วยงานจัดเก็บสรุปได้ดังนี้
กรมสรรพากร จัดเก็บรายได้รวม 1,493,860 ล้านบาท ต่ำกว่าประมาณการ 3,365 ล้านบาท หรือ 0.2% แต่สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 6.4% เนื่องจากภาษีมูลค่าเพิ่มจัดเก็บได้ต่ำกว่าประมาณการ 19,083 ล้านบาท หรือ 2.8% แต่สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 7.6% อย่างไรก็ดี ภาษีเงินได้ปิโตรเลียมจัดเก็บได้สูงกว่าประมาณการ 19,205 ล้านบาท หรือ 47.3% สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 66.9% เนื่องจากมีการชำระภาษีเงินได้ปิโตรเลียมย้อนหลัง และผลประกอบการของบริษัทขุดเจาะน้ำมันปรับตัวดีขึ้น นอกจากนี้ภาษีเงินได้นิติบุคคลจัดเก็บได้สูงกว่าประมาณการ 2,405 ล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 3.1% เนื่องจากภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่ายของภาคเอกชนขยายตัวได้ดีกว่าที่ประมาณการไว้
กรมสรรพสามิต จัดเก็บรายได้รวม 468,470 ล้านบาท ต่ำกว่าประมาณการ 8,399 ล้านบาท หรือ 1.8% แต่สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 0.6% โดยภาษีที่จัดเก็บได้ต่ำกว่าประมาณการ ได้แก่ ภาษีเบียร์ ภาษีน้ำมัน และภาษีสุรา จัดเก็บได้ต่ำกว่าประมาณการ 12,567 7,825 และ 5,933 ล้านบาท หรือคิดเป็น 17.5% 4.2% และ 11.2% ตามลำดับ เนื่องจากปริมาณเบียร์ น้ำมัน และสุราที่ชำระภาษีต่ำกว่าที่ประมาณการไว้ อย่างไรก็ดี ภาษีสรรพสามิตรถยนต์และภาษียาสูบ จัดเก็บได้สูงกว่าประมาณการ 8,662 และ 4,988 ล้านบาท หรือ 9.6% และ 9.4% ตามลำดับ เนื่องจากปริมาณรถยนต์ที่ชำระภาษีขยายตัวอย่างต่อเนื่อง สอดคล้องกับยอดขายรถยนต์ที่ยังขยายตัวได้ดี และภาระภาษีต่อซองของยาสูบหลังจากพระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต พ.ศ.2560 มีผลบังคับใช้ สูงกว่าที่ประมาณการ
กรมศุลกากร จัดเก็บรายได้รวม 90,130 ล้านบาท ต่ำกว่าประมาณการ 2,470 ล้านบาท หรือ 2.7% แต่สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 3.8% โดยเป็นผลจากการจัดเก็บอากรขาเข้าต่ำกว่าประมาณการจำนวน 2,533 ล้านบาท หรือ 2.8% แต่สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 5.2% ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการนำเข้าสินค้าที่ใช้สิทธิพิเศษทางภาษีมีแนวโน้มสูงขึ้น ทำให้การจัดเก็บอากรขาเข้าไม่ขยายตัวตามที่ประมาณการไว้ ทั้งนี้มูลค่าการนำเข้าในรูปดอลลาร์สหรัฐ และในรูปเงินบาทในช่วง 9 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2561 ขยายตัว 14.7% และ 5.4% ตามลำดับ สินค้าที่จัดเก็บอากรขาเข้าในช่วง 9 เดือนแรกได้สูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ (1) ยานบกและส่วนประกอบ (2) เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์ (3) เครื่องจักรและเครื่องใช้กล (4) ผลิตภัณฑ์ทางเภสัชกรรม และ (5) พลาสติกและสินค้าจากพลาสติก
รัฐวิสาหกิจ นำส่งรายได้รวม 146,319 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการ 25,220 ล้านบาท หรือ 20.8% สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 2.5% ทั้งนี้รัฐวิสาหกิจที่นำส่งรายได้สูงกว่าประมาณการ 5 อันดับแรก ได้แก่ (1) สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล (2) บมจ.ปตท. (3) ธนาคารออมสิน (4) บมจ. ท่าอากาศยานไทย และ (5) การประปาส่วนภูมิภาค เนื่องจากผลประกอบการขยายตัวดี
หน่วยงานอื่น จัดเก็บรายได้รวม 169,647 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการ 25,241 ล้านบาท หรือ 17.5% สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 12.7% โดยส่วนราชการอื่นจัดเก็บรายได้รวม 162,634 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการ 24,531 ล้านบาท หรือ 17.8% สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 14.6% เนื่องจากการรับรู้ส่วนเกินจากการจำหน่ายพันธบัตร (Premium) เป็นรายได้แผ่นดิน การนำส่งรายได้ของสำนักงาน กสทช. และการส่งคืนเงินกันชดเชยให้แก่ผู้ส่งออกเป็นรายได้แผ่นดินสูงกว่าประมาณการเป็นสำคัญ สำหรับกรมธนารักษ์จัดเก็บรายได้รวม 7,013 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการ 710 ล้านบาท หรือ 11.3% ต่ำกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 18.2% โดยรายได้ด้านเหรียญกษาปณ์จัดเก็บได้สูงกว่าประมาณการ เป็นสำคัญ
การคืนภาษีของกรมสรรพากรจำนวน 240,498 ล้านบาท ต่ำกว่าประมาณการ 28,030 ล้านบาท หรือ 10.4% ประกอบด้วย การคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม 182,317 ล้านบาท ต่ำกว่าประมาณการ 27,283 ล้านบาท หรือ 13.0% และการคืนภาษีอื่น ๆ (ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ภาษีเงินได้นิติบุคคล ภาษีธุรกิจเฉพาะ และอากรแสตมป์) จำนวน 58,181 ล้านบาท ต่ำกว่าประมาณการ 747 ล้านบาท หรือ 1.3%
อากรถอนคืนกรมศุลกากร จำนวน 10,913 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการ 2,413 ล้านบาท หรือ 28.4%
การจัดสรรภาษีมูลค่าเพิ่มให้กับองค์การบริหารส่วนจังหวัดจำนวน 14,027 ล้านบาท ต่ำกว่าประมาณการ 965 ล้านบาท หรือ 6.4%
เงินกันชดเชยภาษีสำหรับสินค้าส่งออก จำนวน 9,945 ล้านบาท ต่ำกว่าประมาณการ 5,782 ล้านบาท หรือ 36.8% ซึ่งเป็นผลจากการปรับลดอัตราเงินกันชดเชยภาษีสำหรับสินค้าส่งออกจาก 0.75% เป็น 0.5% ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2560 เป็นต้นมา
การจัดสรรภาษีมูลค่าเพิ่มให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ตาม พ.ร.บ.กำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจฯ งวดที่ 1-7 จำนวน 65,668 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการ 1,338 ล้านบาท หรือ 2.1%
สำหรับในเดือนกรกฎาคม 2561 รัฐบาลจัดเก็บรายได้สุทธิ 194,905 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการ 4,496 ล้านบาท หรือ 2.4% สูงกว่าเดือนเดียวกันปีที่แล้ว 14.8% โดยภาษีที่จัดเก็บได้สูงกว่าประมาณการที่สำคัญ ได้แก่ ภาษีเงินได้ปิโตรเลียม ภาษีสรรพสามิตรถยนต์ และภาษีมูลค่าเพิ่ม ซึ่งจัดเก็บได้สูงกว่าประมาณการจำนวน 8,388 1,946 และ 1,142 ล้านบาท โดยภาษีเงินได้ปิโตรเลียมจัดเก็บได้สูงกว่าประมาณการเนื่องจากมีการชำระภาษีย้อนหลัง อย่างไรก็ดี ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ภาษีเบียร์ และภาษีสุรา จัดเก็บได้ต่ำกว่าประมาณการจำนวน 2,037 1,896 และ 1,789 ล้านบาท หรือคิดเป็น 7.8% 23.8% และ 32.9% ตามลำดับ