นางจันทรา บูรณฤกษ์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย(คปภ.) คาดการณ์เป้าหมายการเติบโตของธุรกิจประกันทั้งระบบในปี 51 จะมีเบี้ยประกันภัยรับรวม 312,669 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8% จากปี 50 ที่คาดว่าจะมี 291,236 ล้านบาท
โดยเบี้ยประกันปี 51 แบ่งเป็น ธุรกิจประกันชีวิต 199,700 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7% และธุรกิจประกันวินาศภัย 112,969 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8% ส่งผลให้สัดส่วนเบี้ยประกันภัยต่ออัตราการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจอยู่ที่ 3.55% จากมูลค่าจีดีพีประมาณ 8.8 ล้านล้านบาท
นอกจากนี้ คปภ.ยังกำหนดแผนยุทธศาสตร์เพื่อมุ่งสู่ความเป็นเลิศด้านประกันภัยของไทย 3 ด้าน คือ สร้างความเข้มแข็งของธุรกิจ, พัฒนาระบบประกันภัยเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และพัฒนาระบบบริหารงาน
ส่วนการแก้ปัญหาทางการเงินของบริษัท สัมพันธ์ประกันภัย และบริษัท ธนสินประกันภัย มีความคืบหน้าไปมากแล้วและภายในสิ้นเดือน ธ.ค.นี้จะเห็นความชัดเจนมากขึ้น ซึ่งคาดว่า จะเปิดขายกรมธรรม์ใหม่ได้ในเร็วๆ นี้
นางจันทรา ระบว่า คปภ.จะเน้นสร้างความเข้มแข็งของธุรกิจประกันให้มากที่สุด ซึ่งได้กำหนดมาตรการต่างๆ ไว้แล้ว และจะประเมินผลการปฏิบัติงาน เพื่อปรับปรุงมาตรการเหล่านั้นให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริงตลอดเวลา โดยขณะนี้อยู่ระหว่างหารือกับกรมสรรพากรเพื่อขอลดหย่อนภาษีด้านต่างๆ ให้กับผู้ประกอบการ เช่น ยกเว้นเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มกับตัวแทนหรือนายหน้า และเพิ่มวงเงินหักลดหย่อนเบี้ยประกันในการชำระภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเพื่อจูงใจให้ประชาชนทำประกันภัยมากขึ้น
ด้าน นายสาระ ล่ำซำ นายกสมาคมประกันชีวิตไทย มองว่า ธุรกิจประกันชีวิตในปีหน้าจะขยายตัวได้ตามเป้าหมายแน่นอน เพราะประชาชนหันมาทำประกันมากขึ้น ทั้งเพื่อการออมและการลงทุน แม้จะมีปัญหาความไม่แน่นอนทางการเมืองและปัญหาเศรษฐกิจ ประกอบกับแต่ละบริษัทมีผลิตภัณฑ์ใหม่เข้าถึงทุกกลุ่มเป้าหมายและเพิ่มช่องทางขายมากขึ้น
--อินโฟเควสท์ โดย พณฦ/กษมาพร/ธนวัฏ โทร.0-2253-5050 ต่อ 325 อีเมล์: tanawat@infoquest.co.th--