นายอดุลย์ โชตินิสากรณ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ปัจจุบันที่ประเทศคู่ค้าหลักๆ ของไทยมีการกำหนดมาตรการเพื่อกีดกันการค้าระหว่างกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสหรัฐอเมริกาที่ได้กำหนดนโยบาย "America First" โดยกำหนดมาตรการต่างๆ เช่น การขึ้นภาษีสินค้าเหล็กและอลูมิเนียมตามมาตรา 232 ของ Trade Expansion Act 1962 การขึ้นภาษีเครื่องจักรกลตามมาตรา 301 ของ Trade Act 1974 รวมถึงการไต่สวนมาตรการ AD และ CVD ซึ่งส่งผลให้ประเทศไทยประสบกับปัญหาการมีสินค้าอื่นที่ถูกสหรัฐฯ ใช้มาตรการทางการค้าเข้ามาแอบอ้างถิ่นกำเนิดสินค้าไทย โดยขอหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า หรือ FORM C/O ไทยเพื่อหลบเลี่ยงมาตรการทางการค้า (Circumvention) ที่สหรัฐฯ หรือประเทศอื่นๆ กำหนด
ทั้งนี้ กรมการค้าต่างประเทศก็ได้เร่งดำเนินการในหลายส่วน รวมทั้งประชุมหารือร่วมกันระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชนเพื่อพิจารณาหาแนวทางป้องกันการแอบอ้างและหลบเลี่ยงดังกล่าว ซึ่งที่ประชุมได้มีมติให้หน่วยงานที่ออกหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าร่วมมือระหว่างกัน และเพิ่มความระมัดระวังในการออก FORM C/O เพื่อเป็นการป้องปรามมิให้มีการใช้ประเทศไทยเป็นแหล่งแอบอ้างถิ่นกำเนิดสินค้าเพื่อหลบเลี่ยงมาตรการทางการค้าของสหรัฐฯ และประเทศอื่นๆ อีกต่อไป
"การเข้าพบหารือกับหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยครั้งนี้ กรมฯ ได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดีจากนายกลินท์ สารสิน ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และนางศิรินา ปวโรฬารวิทยา รองประธานกรรมการหอการค้าไทย พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ซึ่งจากการได้รับฟังกระบวนการขั้นตอนการออก FORM C/O และการตรวจสอบ ทำให้กรมฯ เชื่อมั่นในกระบวนการออก FORM C/O ของหอการค้าไทยว่ามีความรัดกุมและป้องกันการแอบอ้างถิ่นกำเนิดสินค้าไทยได้" อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศระบุ
นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายยังได้เห็นชอบร่วมกันที่จะร่วมมือกันด้านการตรวจสอบในการออก FORM C/O เพื่อเพิ่มความรัดกุมและเป็นมาตรฐานเดียวกัน โดยกรมฯ ได้เสนอให้สภาหอฯ เข้าร่วมใช้ข้อมูลสินค้าเฝ้าระวังเพื่อให้ทุกหน่วยงานที่ออก FORM C/O สามารถใช้อ้างอิงได้ รวมถึงการจัดคณะตรวจสอบร่วมกันของสองหน่วยงาน ซึ่งในการประชุมหารือครั้งนี้ก็ได้มีการกำหนด contact point ในระดับเจ้าหน้าที่ของทั้งสองฝ่ายด้วยเพื่อความคล่องตัวในการประสานงาน
ทั้งนี้ การร่วมมือกันระหว่างหน่วยงานทั้งภาครัฐและภาคเอกชนที่ออก FORM C/O จะเป็นการเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับประเทศคู่ค้าของไทยว่าประเทศไทยไม่ใช่แหล่งแอบอ้างถิ่นกำเนิดสินค้าเพื่อหลบเลี่ยงมาตรการทางการค้า โดยจะเดินหน้าต่อในการประสานงานกับภาคเอกชนในเรื่องนี้ ซึ่งตามกำหนดการกรมฯ จะเข้าพบหารือร่วมกับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยในวันศุกร์ที่ 24 ส.ค.นี้ด้วย