นายฉลองภพ สุสังกร์กาญจน์ รมว.คลัง คาดว่า เศรษฐกิจไทยไตรมาส 4/50 จะเติบโตได้ไม่ต่ำกว่า 5.5% เนื่องจากการส่งออกยังขยายตัวได้ดีมาก โดยเฉพาะในเดือน พ.ย.50 ที่ขยายตัวสูงกว่า 24% ด้วยมูลค่าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ สะท้อนให้เห็นว่าปัญหาซับไพร์มในสหรัฐไม่ได้กระทบต่อการส่งออกของไทยมากนัก ดังนั้นจึงเชื่อว่าในปีหน้าการส่งออกก็ยังน่าจะเติบโตได้ดีอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยเรื่องการปรับขึ้นเงินเดือนข้าราชการและพนักงานรัฐวิสาหกิจที่จะช่วยกระตุ้นการบริโภค ขณะที่การจัดเก็บรายได้เข้ารัฐเกินเป้าหมายที่กำหนดไว้ ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจกำลังฟื้นตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องไปจนถึงปีหน้า ดังนั้นไม่ว่าพรรคการเมืองใดจะเข้ามาเป็นรัฐบาลก็เชื่อว่าปีหน้าเศรษฐกิจจะขยายตัวได้เกินกว่า 5%
"แนวโน้มเศรษฐกิจปีหน้าจะขยายตัวได้เกินกว่า 5% โดยจะเห็นได้จากเศรษฐกิจไทยในแต่ละไตรมาสขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในปีนี้ โดยไตรมาส 1 ขยายตัว 4.3%, ไตรมาส 2 ขยายตัว 4.3%, ไตรมาส 3 ขยายตัว 4.9% และไตรมาส 4 คาดว่าจะขยายตัว 5.5%" นายฉลองภพ กล่าว
อย่างไรก็ตาม แนวโน้มอัตราเงินเฟ้อที่จะสูงขึ้นในปีหน้ายังเป็นปัญหาที่ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)จะต้องดูแลต่อไป แต่เมื่อกฎหมายด้านการเงินที่ได้รับความเห็นชอบจากสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.)มีผลบังคับใช้ ก็จะทำให้ธปท.สามารถบริหารจัดการด้านต่าง ๆ ได้ดีขึ้น รวมทั้งใช้นโยบายอัตราดอกเบี้ยเข้ามาดูแลตลาดเงิน ซึ่งจะต้องดำเนินนโยบายอย่างมีอิสระไม่ให้การเมืองแทรกแซง
ส่วนนโยบายอัตราแลกเปลี่ยนจะต้องเร่งบริหารไม่ให้ค่าเงินบาทมีทิศทางแตกต่างจากประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งในช่วงหลังค่าเงินบาทเริ่มมีเสถียรถาพมากขึ้นแล้ว
ด้านปัจจัยเสี่ยงในปีหน้า เช่น ปัญหาซับไพรม์จะไม่รุนแรงอย่างที่คาดการณ์ไว้ เนื่องจากตัวเลขการส่งออก 11 เดือนของปีนี้ที่ขยายตัวเกิน 17% โดยสัดส่วนของตลาดสหรัฐที่ชะลอตัวลงก็ยังมีการทดแทนจากตลาดประเทศใหม่เข้ามา
กรณีที่มีการเสนอให้มีการจัดทำงบประมาณขาดดุลเพิ่มเติมในงบกลางปีหน้านั้น นายฉลองภพ กล่าวว่า ขอให้เป็นหน้าที่ของรัฐบาลชุดใหม่เป็นผู้ตัดสินใจ
--อินโฟเควสท์ โดย คลฦ/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--