นายมงคล ลีลาธรรม กรรมการผู้จัดการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (SME Development Bank) หรือ ธพว. กล่าวว่า เตรียมเสนอที่ประชุมคณะกรรมการธนาคารฯ ให้พิจารณาเรื่องการนำสินทรัพย์ที่เป็นหลักประกันของลูกหนี้วงเงิน 1 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็น ลูกหนี้รายใหญ่ 160 ราย วงเงิน 6 พันล้านบาท และที่เหลือเป็นลูกหนี้ขนาดเล็กออกขายทอดตลอด เนื่องจากลูกหนี้กลุ่มดังกล่าวไม่ได้มีการประกอบธุรกิจ หรือบางรายไม่ให้ความร่วมมือในการปรับโครงสร้างหนี้ โดยคาดว่าจะสามารถดำเนินการขายสินทรัพย์ดังกล่าวได้ภายในสิ้นปี 2561
"สินทรัพย์ที่เป็นหลักประกันที่เตรียมเอาออกขายทอดตลาดส่วนใหญ่เป็นหนี้ที่เกิดขึ้นก่อนปี 2558 ซึ่งส่วนใหญ่เป็นลูกหนี้รายใหญ่ ซึ่งเชื่อว่าหากขายตามราคาตลาด ธนาคารก็มีโอกาสที่จะได้กำไรกลับมาด้วย ส่วนหนี้ที่เกิดหลังช่วงเวลาดังกล่าวเป็นลูกหนี้รายย่อย ซึ่งธนาคารยังให้โอกาสในการปรับโครงสร้างหนี้อยู่ โดยหลังจากการขายทอดตลาดเรียบร้อยแล้ว จะมีลูกหนี้บางส่วนที่ต้องดำเนินการฟ้องล้มละลายด้วย" นายมงคล กล่าว
ทั้งนี้ เบื้องต้นประเมินว่าหลังจากขายสินทรัพย์ดังกล่าวแล้วจะทำให้ตัวเลขหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ของธนาคารลดลงมาอยู่ที่ระดับ 9.99% จากปัจจุบันอยู่ที่ 16% และจะทำให้อัตราเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (BIS) ของธนาคารดีขึ้น ซึ่งจะช่วยให้ธนาคารมีความสามารถในการปล่อยสินเชื่อเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 2 เท่า
นายมงคล ยืนยันว่า จนถึงสิ้นปี 2561 จะไม่มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้อย่างแน่นอน รวมถึงในปีหน้าธนาคารจะพยายามตรึงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ออกไปให้นานที่สุด เพื่อเป็นการดูแลภาระต้นทุนของผู้ประกอบการเอสเอ็มอีให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมและสามารถแข่งขันได้ และธนาคารไม่ได้แสวงหาผลกำไรจากการดำเนินการในส่วนดังกล่าวด้วย
นอกจากนี้ ธนาคารมีแผนจะออกพันธบัตรเพิ่มเติมในปี 2562 วงเงิน 2 หมื่นล้านบาท ระยะเวลา 7 ปี ซึ่งจะเป็นอีกแนวทางหนึ่งที่ช่วยไม่ให้เกิดภาระต้นทุนกับผู้ประกอบการเอสเอ็มอี และเป็นแรงจูงใจให้ผู้ประกอบการเข้ามาจดทะเบียนในระบบ เพื่อเข้าถึงสินเชื่อที่มีต้นทุนต่ำได้มากขึ้นด้วย
"ประเมินว่าหากสามารถระดมทุนได้ 1 หมื่นล้านบาท ธพว.ก็จะสามารถคงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมได้อย่างน้อย 1 ไตรมาส ซึ่งแนวทางดังกล่าวเพื่อเป็นการช่วยเหลือเอสเอ็มอีให้เข้าถึงสินเชื่อที่มีต้นทุนต่ำ เพื่อต่อยอดการดำเนินธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยจากแผนการดำเนินงานทั้งหมดทำให้เชื่อว่าในปีนี้ ธนาคารจะมีกำไรไม่น้อยกว่าปีที่ผ่านมา ที่ระดับ 2 พันล้านบาท" นายมงคล กล่าว