นายประภาศ คงเอียด ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) เปิดเผยว่า ในวันนี้ได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง ) การจัดตั้งกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย (Thailand Future Fund:TFF) มูลค่า 4.4- 4.5 หมื่นล้านบาท คาดว่าจะเปิดขายหน่วยลงทุนในช่วงต้นเดือน ต.ค.นี้ โดยจะเปิดขายให้ทั้งนักลงทุนรายย่อยและนักลงทุนสถาบัน ขณะที่เตรียมให้ข้อมูลต่อนักลงทุน (โรดโชว์) ทั้งในประเทศและต่างประเทศในช่วงเดือน ก.ย.นี้ พร้อมทั้งคาดว่าจะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ในวันที่ 1 พ.ย.61 ผลตอบแทนจากการลงทุนกองทุนนี้ประมาณ 3% ขึ้นไป
โดยสินทรัพย์ส่วนแรกของกองทุนฯ จะเป็นรายได้ของทางพิเศษฉลองรัฐ (รามอินทรา-อาจณรงค์) ระยะทาง 28.2 กม. และทางพิเศษบูรพาวิถี (บางนา-ชลบุรี) ระยะทาง 55 กม. ซึ่งเป็นทางด่วนที่การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) เปิดดำเนินการอยู่ โดยจะโอนรายได้ในอนาคตที่ 45% เข้ากองทุนตลอดระยะเวลา 30 ปี
นายประภาศ กล่าวว่า กระทรวงการคลังยังเตรียมพิจารณานำรายได้ของมอเตอร์เวย์หมายเลข 7 และมอเตอร์เวย์หมายเลข 9 ของกรมทางหลวงนำเข้ากองทุน Thailand Futures Fund ในช่วงต้นปี 62 โดยจะโอนรายได้อนาคตสัดส่วน 45% เข้ากองทุนเช่นกัน โดยระหว่างนี้แก้ไขกฎหมายการเก็บผ่านทางที่แก้ไขให้นำส่วนแบ่งรายได้นำเข้ากองทุน Thailand Futures Fund ได้ โดยเรื่องอยู่ที่สำนักงานอัยการ
"Thailand Future Fund เป็นกองทุนโครงสร้างพื้นฐานของประเทศเป็นกองทุนแรก เราจะเอาเฉพาะโครงการที่ดำเนินการแล้ว (Brownfield) เพื่อให้นักลงทุนเชื่อมั่นในการลงทุน เราจะไม่เอาโครงการอนาคต (Greenfield) นักลงทุนจะไม่มั่นใจ " นายประภาศ กล่าว
กองทุน Thailand Future Fund จะมีธนาคารกรุงไทย ,บล.ภัทร, บล.ฟินันซ่า, แบงก์ออฟอเมริกา และเจพีมอร์แกน เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน (FA) และผู้จัดการการจัดจำหน่าย (Underwriter) ส่วนผู้จัดการกองทุนได้แก่ บลจ.กรุงไทย และ บลจ.เอ็มเอฟซี
สำหรับเงินที่ระดมทุนได้จากการขายหน่วยลงทุนกองทุน Thailand Future Fund นั้น กทพ.จะนำไปใช้ลงทุนโครงการทางด่วนพระราม 3- ดาวคะนอง -วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานครด้านตะวันตก วงเงิน 3.04 หมื่นล้านบาท และโครงการทางด่วนขั้นที่ 3 สายเหนือตอน N2 และ E-W Corridor ด้านตะวันออก วงเงิน 1.43 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะเริ่มก่อสร้างในเดือน พ.ยง61
นายประภาศ กล่าวว่า Thailand Future Fund ได้รับการสนับสนุนโดยรัฐบาล เป็นทางเลือกการระดมทุนเพื่อลดการพึ่งพางบประมารปกติ และการกู้ยืมของรัฐบาล ซึ่งช่วยให้การเดินหน้าผลักดันโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นสามารถเดินหน้าได้เร็ว และทำให้มีเงินหมุนเวียนของการลงทุน ทั้ง ถนน โรงไฟฟ้า เป็นต้น