นางมนัสนิตย์ จิรวัฒน์ รองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะรองประธานกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) รับคำสั่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐนะประธานกรรมการ นบข. ได้เห็นชอบให้กรมฯ ในฐานะคณะทำงานดำเนินการระบายข้าวในสต็อกของรัฐ ออกประกาศจำหน่ายข้าวสารในสต็อกของรัฐเข้าสู่อุตสาหกรรมที่ไม่ใช่การบริโภคของคน ครั้งที่ 2/2561 ปริมาณ 2.45 แสนตัน จำนวน 18 คลัง และเข้าสู่อุตสาหกรรมที่ไม่ใช่การบริโภคของคนและสัตว์ ครั้งที่ 2/2561 ปริมาณ 2.23 หมื่นตัน จำนวน 20 คลัง ปรากฏว่ามีผู้ผ่านคุณสมบัติผู้เสนอซื้อเบื้องต้นในการจำหน่ายข้าวสารในสต็อกของรัฐเข้าสู่อุตสาหกรรมที่ไม่ใช่การบริโภคของคน ทั้งหมด 26 ราย และเข้าสู่อุตสาหกรรมที่ไม่ใช่การบริโภคของคนและสัตว์ ทั้งหมด 16 ราย
ทั้งนี้ หากปรากฏภายหลังว่าผู้เสนอซื้อรายใดขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามตามที่ประกาศกำหนด จะถือว่าผู้เสนอซื้อรายนั้นขาดคุณสมบัติมาตั้งแต่ต้น และจะถูกดำเนินการตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของประกาศฯ ที่กำหนดไว้
โดยต่อมากรมฯ ได้กำหนดให้ผู้ผ่านคุณสมบัติผู้เสนอซื้อเบื้องต้น ยื่นซองเสนอราคาซื้อข้าวสารในสต็อกของรัฐเข้าสู่อุตสาหกรรมที่ไม่ใช่การบริโภคของคน เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2561 และเข้าสู่อุตสาหกรรมที่ไม่ใช่การบริโภคของคนและสัตว์ เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2561 ซึ่งผลจากการเปิดซองเสนอราคาซื้อข้าวทั้ง 2 กลุ่ม สรุปได้ ดังนี้
1. การจำหน่ายข้าวสารในสต็อกของรัฐเข้าสู่อุตสาหกรรมที่ไม่ใช่การบริโภคของคน ครั้งที่ 2/2561 เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2561 มีผู้ผ่านคุณสมบัติมายื่นซอง 20 ราย โดยเป็นผู้เสนอซื้อสูงสุด 5 ราย ใน 18 คลัง ปริมาณ 2.45 แสนตัน (คิดเป็น 100% ของปริมาณที่เปิดประมูลทั้งหมด)มูลค่าที่เสนอซื้อประมาณ 1,655.39 ล้านบาท และราคาเสนอซื้อสูงสุดเฉลี่ย คือ 6,670 บาท/ตันสำหรับชนิดข้าวที่มีผู้เสนอซื้อมากที่สุด คือ ข้าวขาว 5% ปริมาณ 0.22 แสนตัน คิดเป็น 91.61% รองลงมา คือ ข้าวปทุมธานี ปริมาณ 0.01 แสนตัน คิดเป็น 3.58%
2. การจำหน่ายข้าวสารในสต็อกของรัฐเข้าสู่อุตสาหกรรมที่ไม่ใช่การบริโภคของคนและสัตว์ ครั้งที่ 2/2561 เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2561 มีผู้ผ่านคุณสมบัติมายื่นซอง 12 ราย โดยเป็นผู้เสนอซื้อสูงสุด 5 ราย ใน 20 คลัง ปริมาณ 2.23 หมื่นตัน (คิดเป็น 100% ของปริมาณที่เปิดประมูลทั้งหมด)มูลค่าที่เสนอซื้อประมาณ 114.19 ล้านบาท และราคาเสนอซื้อสูงสุดเฉลี่ย คือ 4,584 บาท/ตันสำหรับชนิดข้าวที่มีผู้เสนอซื้อมากที่สุด คือ ข้าวเหนียวขาว 10% ปริมาณ 0.49 หมื่นตัน คิดเป็น 22.15% รองลงมา คือ ปลายข้าวหอมมะลิ ปริมาณ 0.49 หมื่นตัน คิดเป็น 21.79%
รองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า ในลำดับต่อไปกรมฯ จะรวบรวมผลการยื่นซองเสนอราคาซื้อข้าวในสต็อกของรัฐทั้ง 2 กลุ่ม เข้าที่ประชุมคณะทำงานฯ และคณะอนุกรรมการพิจารณาระบายข้าวพิจารณาก่อนนำเสนอประธานกรรมการ นบข. พิจารณาให้ความเห็นชอบการจำหน่ายข้าวในสต็อกของรัฐ โดยข้าวที่นำออกมาระบายทั้ง 2 กลุ่ม เป็นการจำหน่ายเข้าสู่อุตสาหกรรม ซึ่งคณะกรรมการ นบข.ได้ให้ความสำคัญกับการกำกับดูแลการนำข้าวในสต็อกของรัฐไปใช้ในอุตสาหกรรมเป็นอย่างมาก
"นบข. กำชับให้องค์การคลังสินค้า (อคส.) และองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) คุมเข้มกำกับดูแลให้ผู้ซื้อนำข้าวในสต็อกของรัฐไปใช้ในอุตสาหกรรมตามหนังสือรับรองตนเองที่แจ้งไว้โดยเคร่งครัด เพื่อป้องกันการรั่วไหลเข้าสู่ระบบการค้าปกติ ซึ่งหากผู้ซื้อไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไข มีการนำข้าวไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ จะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย" นางมนัสนิตย์กล่าว