นายอดุลย์ โชตินิสากรณ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ได้รับแจ้งจากสำนักงานพาณิชย์ในต่างประเทศ ณ กรุงบรัสเซลส์ว่า คณะกรรมาธิการยุโรปได้ประกาศระเบียบ Regulation (EU) 2018/848 เกี่ยวกับการผลิตและการติดป้ายฉลากสินค้าเกษตรอินทรีย์ในสหภาพยุโรป เพื่อทดแทนระเบียบเดิมโดยปรับปรุงให้เป็นปัจจุบัน ชัดเจน และเหมาะสมกับสถานการณ์การผลิตสินค้าเกษตรอินทรีย์ในสหภาพฯ ที่ขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และเพื่อปกป้องสิ่งแวดล้อม สภาพภูมิอากาศ ความอุดมสมบูรณ์ของดิน และยกระดับมาตรฐานสวัสดิภาพสัตว์ เป็นต้น ซึ่งระเบียบใหม่นี้จะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 1 มกราคม 2564 เป็นต้นไป
ทั้งนี้ กฎระเบียบฯ ฉบับใหม่ครอบคลุมข้อกำหนดต่างๆ ได้แก่ 1) การผลิต โดยการกำหนดวัตถุดิบและสารเคมีที่ใช้ปกป้องพืชที่อนุญาตให้ใช้ได้ในกระบวนการผลิต การป้องกันและระมัดระวังตลอดช่วงการผลิต การกระจายสินค้า และการกำหนดให้แบ่งแยกพื้นที่การผลิตอย่างชัดเจนระหว่างพื้นที่การผลิตสินค้าเกษตรอินทรีย์ และพื้นที่การผลิตที่ไม่ใช่เกษตรอินทรีย์ เป็นต้น นอกจากนี้ ได้ระบุการห้ามใช้สินค้าที่ได้รับการตัดแต่งพันธุกรรม (Genetically Modified Organisms : GMOs) ตลอดกระบวนการผลิตทั้งหมด
2) การติดป้ายฉลากสินค้าเกษตรอินทรีย์ จะต้องระบุข้อมูลน้ำหนักของส่วนประกอบที่เป็นเกษตรอินทรีย์ โดยต้องมีสัดส่วนของเกษตรอินทรีย์ไม่น้อยกว่าร้อยละ 95 ของสินค้า และหากมีการแสดงตราสัญลักษณ์เกษตรอินทรีย์ของสหภาพฯ บนป้ายฉลาก ให้ผู้ผลิตสามารถระบุชื่อประเทศที่ผลิตแทนการระบุ EU หรือ Non-EU ได้
3) การนำเข้าและวางจำหน่ายสินค้าจากประเทศที่สาม กำหนดให้สินค้าต้องผ่านการตรวจสอบรับรองจากองค์กร / หน่วยงานตรวจสอบรับรองระหว่างประเทศที่ได้รับการยอมรับ (equivalene) จากสหภาพฯ หรือ องค์กร / หน่วยงานตรวจสอบรับรองของประเทศที่สามที่มีความตกลงยอมรับความเท่าเทียมซึ่งกันและกันกับสหภาพฯ อย่างไรก็ดี ปัจจุบันประเทศที่มีความตกลงยอมรับความเท่าเทียมฯ ดังกล่าว ได้แก่ อาร์เจนตินา ออสเตรเลีย แคนาดา คอสตาริกา ญี่ปุ่น อินเดีย อิสราเอล นิวซีแลนด์ เกาหลีใต้ สวิตเซอร์แลนด์ ตูนีเชีย และสหรัฐฯ ในขณะที่ไทยอยู่ระหว่างขอให้สหภาพฯ ตกลงยอมรับความเท่าเทียมในการออกใบรับรองมาตรฐานสินค้าเกษตรอินทรีย์ของไทย
ทั้งนี้ กรมการค้าต่างประเทศ จะติดตามความคืบหน้าของกฎระเบียบสินค้าเกษตรอินทรีย์ของสหภาพฯ และเผยแพร่ให้หน่วยงานและผู้ที่เกี่ยวข้องทราบต่อไป