นายณัฐพร จาตุศรีพิทักษ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติการใช้เงินของกองทุนพัฒนาระบบสถาบันการเงินเฉพาะกิจ เพื่อการเพิ่มทุนของธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย หรือ IBank จำนวน 16,100 ล้านบาท ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในการปรับโครงสร้างทางการเงิน เพื่อแก้ไขปัญหาของธนาคารอิสลามฯ ที่เป็นไปตามมติของคณะกรรมการนโยบายและกำกับดูแลรัฐวิสาหกิจ (คนร.) ที่จะต้องมีการปรับโครงสร้างทางการเงิน, ปรับโครงสร้างทางธุรกิจ และการหาพันธมิตรเพื่อร่วมลงทุน
"เดิมอนุมัติวงเงินไว้แล้ว 2,000 ล้านบาท และวันนี้อนุมัติเพิ่มอีก 16,100 ล้านบาท รวมเป็นทั้งหมด 18,100 ล้านบาท" นายณัฐพรระบุ
พร้อมกันนี้ ได้เห็นชอบให้กระทรวงการคลังถือหุ้นภายหลังการเพิ่มทุนในสัดส่วน 99.71% ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด และกระทรวงการคลังจะลดสัดส่วนการถือหุ้นลงเมื่อธนาคารอิสลามฯ สามารถกระจายหุ้น หรือสรรหาพันธมิตรร่วมลงทุนได้แล้ว
นายณัฐพร กล่าวว่า คณะกรรมการกองทุนฯ ได้ให้ความเห็นเพิ่มเติมโดยขอให้ธนาคารอิสลามฯ ดำเนินการสรรหาพันธมิตรควบคู่กับการปรับโครงสร้างทางการเงินโดยการเพิ่มทุน และเร่งเจรจาหาพันธมิตรให้เสร็จโดยเร็ว เพื่อให้พันธมิตรเข้าร่วมลงทุนและเข้าร่วมปรับปรุงการบริหารจัดการภายในของธนาคารอิสลามฯ ด้วย
นอกจากนี้ หลังจากการเพิ่มทุนแล้ว กำหนดให้หน่วยงานผู้ถือหุ้น และ คนร. วัดผลการดำเนินงานของธนาคารอิสลามฯ ให้ครอบคลุม 4 ปัจจัย คือ 1. ความสามารถในการหารายได้หรือความสามารถในการทำกำไร 2.ประสิทธิภาพในการดำเนินงาน 3. ความเสี่ยงของ Portfolio หรือคุณภาพสินเชื่อ และ 4.สัดส่วนหนี้เมื่อเทียบกับทุน และรายงานผลตามตัวชี้วัดดังกล่าวให้กองทุนฯ ทราบเป็นประจำทุกไตรมาส
ทั้งนี้ ธนาคารอิสลามฯ คาดการณ์ว่าหากสามารถดำเนินการเพิ่มทุนได้ภายในปีนี้ และมีการปรับโครงสร้างธุรกิจได้ตามขั้นตอน จะทำให้ในปีนี้ธนาคารอิสลามฯ สามารถพลิกกลับมามีกำไรสุทธิที่ 828 ล้านบาท ส่งผลให้ส่วนของทุนเป็นบวกในปี 2562 และจะทำให้ BIS Ratio อยู่ที่ 8.5% เป็นไปตามหลักเกณฑ์การกำกับดูแลในปี 2565