นายทศพร ศิริสัมพันธ์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) กล่าวถึงผลประชุมคณะกรรมการบูรณาการนโยบายพัฒนาภาค (ก.บ.ภ.) ว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบการกำหนดกรอบการจัดสรรงบประมาณจังหวัดและกลุ่มจังหวัด ประจำปีงบประมาณ 2563 จำนวน 28,000 ล้านบาท โดยมีการจัดสรรงบระหว่างจังหวัดและกลุ่มจังหวัดในสัดส่วน 70:30 โดยเป็นงบประมาณสำหรับดำเนินโครงการของจังหวัด 19,600 ล้านบาท และกลุ่มจังหวัด 8,400 ล้านบาท
โดยให้มีการปรับหลักเกณฑ์ในการจัดสรรงบประมาณให้ยึดนโยบายในเชิงยุทธศาตร์ของรัฐบาลมาใช้ประกอบในการจัดสรรงบประมาณ เช่น กรณีที่รัฐบาลอนุมัติการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ใน จ.ระนอง ชุมพร สุราษฎร์ธานี และนครศรีธรรมราช ซึ่งในจังหวัดเหล่านี้ควรได้รับการจัดลำดับความสำคัญของการจัดสรรงบประมาณสูงกว่าจังหวัดอื่น เพื่อมาช่วยการขับเคลื่อนตามยุทธศาตร์ได้
"จะเป็นการปรับสูตรการจัดสรรทั้งหมดทั่วประเทศ จากวงเงิน 28,000 ล้านบาท กลุ่มจังหวัดไหนที่มีความสำคัญเชิงยุทธศาตร์ที่จะต้องไปเติมเต็ม ก็จะต้องมีการจัดสรรให้น้ำหนักตรงนั้นเพิ่มขึ้นมาจากการจัดสรรตามปกติ" นายทศพร กล่าว
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีได้เน้นย้ำให้ทุกกระทรวงมีการทำงานแบบบูรณาการ และเชื่อมโยงกับการทำงานในจังหวัดและกลุ่มจังหวัด และใช้กลไกลการจัดสรรงบประมาณเป็นตัวขับเคลื่อนยุทธศาสตร์
นอกจากนี้ ที่ประชุมมีมติเห็นชอบนโยบาย หลักเกณฑ์ และวิธีการจัดทำแผนพัฒนาจังหวัด แผนพัฒนากลุ่มจังหวัด ฉบับทบทวน โดยปรับระยะเวลาการจัดทำแผนเป็น 5 ปี จากปี 2561-2565 เพื่อให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติระยะ 20 ปี แผนแม่บท แผนปฏิรูปประเทศ แผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 12 และนโยบายของรัฐบาล
โดยให้ความสำคัญกับแผนพัฒนาภาคที่จะเป็นแผนชี้นำการพัฒนาในภาพรวมของพื้นที่ ให้ความสำคัญกับการจัดทำแผนอย่างมีส่วนร่วม และประสานแผนในระดับพื้นที่ให้สอดคล้องกับปัญหาและความต้องการของประชาชน