พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบการทบทวนสินเชื่อเพื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี ปี 61-63 เพื่อให้เกษตรกรหรือสหกรณ์ชะลอการขายข้าวในช่วงที่ผลผลิตข้าวออกมาแล้วล้นตลาด โดยขอให้เกษตรกรเก็บข้าวเปลือกไว้ในยุ้งฉางก่อนหรือเอาไปเก็บไว้ในยุ้งฉางของสหกรณ์ที่ตัวเองสังกัดอยู่ก็ได้ปรากฎกว่าได้รับความสนใจพอควรแต่ยังไม่มากนัก จึงมาทบทวนว่าหลักการอะไรที่ยังไม่ดึงดูดใจประชาชน และพบว่าเงินจ่ายขาดที่มอบให้ยังไม่จูงใจ
"เพราะของเดิมกรณีที่เกษตรกรฝากเก็บข้าวไว้ที่สหกรณ์หรือสถาบันเกษตรกรจะให้ค่าเก็บรักษาข้าวตันละ 1,500 บาท แต่ใน 1,500 เป็นของสหกรณ์ 1,000 ของเกษตรกร 500...ซึ่งในการจ่ายจะจ่ายในครั้งแรกที่เอาข้าวมาฝาก 1,000 เมื่อมาเอาข้าวออกไปก็จ่ายอีก 500 แต่เกษตรกรได้ 500 สหกรณ์หรือสถาบันได้ 1,000 จึงขอทบทวนขอปรับแก้ไขเป็นให้เกษตรกรได้รับตันละ 1,000 ส่วนสหกรณ์ได้รับตันละ 500"
หลักการที่ 2 คือ ต้องให้เกษตรกรและสถาบันเกษตรกรเก็บรักษาข้าวเปลือกไว้ในยุ้งฉางของตนเองเท่านั้น จากเดิมที่สามารถเช่ายุ้งฉางได้ ซึ่งพบว่ามีความเสี่ยงต่อการดูแลรักษาทั้งปริมาณและคุณภาพข้าว แล้วจะเกิดความเสียหายเช่นโครงการรับจำนำข้าวในอดีต
หลักการที่ 3 คือ วิธีการเก็บรักษาข้าวเปลือกของสถาบันเกษตรกรจะต้องบรรจุข้าวเปลือกไว้ในกระสอบป่านหรือถุง Big Bag และวางเรียงในยุ้งฉางหรือสถานที่ที่สะดวกในการตรวจสอบ หรือเก็บไว้ในยุ้งฉางหรือไซโลที่ยกพื้นสูงต้องมีระบบระบายอากาศเพื่อควบคุมคุณภาพข้าวเปลือกไม่ให้เสื่อมสภาพ