รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)มีมติเห็นชอบวงเงินอุดหนุนบริการสาธารณะประจำปีงบประมาณ 2562 ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) จำนวน 2,251.644 ล้านบาท ตามมติคณะกรรมการเงินอุดหนุนบริการสาธารณะ (คณะกรรมการฯ พร้อมทั้งเห็นชอบวงเงินอุดหนุนบริการสาธารณะประจำปีงบประมาณ2562 ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) จำนวน 3,333.371 ล้านบาทตามมติคณะกรรมการฯ
ทั้งนี้ ให้ ขสมก. และ รฟท. รายงานภาระที่รัฐต้องรับชดเชยค่าใช้จ่ายหรือการสูญเสียรายได้ในการดำเนินกิจกรรมมาตรการ หรือโครงการตามที่กำหนดไว้ในมาตรา 28 แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 ให้ กค. (สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง) ทราบเพื่อสำนักงานเศรษฐกิจการคลังจะได้ดำเนินการจัดเก็บข้อมูลยอดคงค้างให้เป็นไปตามข้อเท็จจริงต่อไป เพื่อให้การประมาณการรายได้และค่าใช้จ่าย (ต้นทุนของการให้บริการสาธารณะ) ในการขอรับเงินอุดหนุนบริการสาธารณะขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพและการรถไฟแห่งประเทศไทยเป็นไปอย่างเหมาะสมสามารถสะท้อนรายได้และต้นทุนที่แท้จริงของการให้บริการสาธารณะได้อย่างถูกต้องเห็นควรให้กระทรวงการคลังกระทรวงคมนาคม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการดำเนินการตามข้อ 1) ให้แล้วเสร็จโดยเร็วต่อไป ดังนี้
1)ให้กระทรวงคมนาคม (องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพและการรถไฟแห่งประเทศไทย) เร่งจัดทำต้นทุนมาตรฐานเพื่อใช้ในการกำกับดูแลอัตราค่าโดยสารและคุณภาพการให้บริการให้แล้วเสร็จโดยด่วนตามที่คณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจได้มีมติมอบหมายไว้ ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้มีมติรับทราบตามมติคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจเมื่อวันที่ 17 มกราคม 2560 และ 4 เมษายน 2560 ด้วยแล้ว ทั้งนี้เพื่อนำข้อมูลต้นทุนมาตรฐานดังกล่าวมาใช้ประกอบการพิจารณาจัดสรรเงินอุดหนุนบริการสาธารณะของคณะกรรมการเงินอุดหนุนบริการสาธารณะต่อไป
2)ให้กระทรวงการคลังร่วมกับกระทรวงเจ้าสังกัดของรัฐวิสาหกิจที่เข้าข่ายต้องขอรับเงินอุดหนุนบริการสาธารณะพิจารณาปรับปรุงแก้ไขระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการให้เงินอุดหนุนบริการสาธารณะของรัฐวิสาหกิจ พ.ศ.2554 รวมทั้งกำหนดหลักเกณฑ์ให้มีความชัดเจน เหมาะสม และสอดคล้องกับสภาพการณ์จริงที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน 3)ให้กระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดดำเนินการจัดทำข้อตกลงการให้บริการสาธารณะและเบิกจ่ายเงินอุดหนุนบริการสาธารณะให้มีความรวดเร็วมากยิ่งขึ้นเพื่อลดปัญหาการขาดสภาพคล่องของรัฐวิสาหกิจและภาระดอกเบี้ยที่เกิดจากการกู้ยืมเงินมาให้บริการสาธารณะ ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2561