นายชนินทร์ วานิชวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฮาบิแทท กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า บริษัทเปิดตัวโครงการ "วาลเด้น สุขุมวิท 39" มูลค่า 950 ล้านบาท เป็นโครงการคอนโดมิเนียมลักชัวรี่โลว์ไรส์เพื่อการอยู่อาศัยและการลงทุน สูง 8 ชั้น จำนวนยูนิตทั้งหมด 116 ยูนิต ทำเลในซอยสุขุมวิท 39 เป็นห้องชุด 3 ประเภท ได้แก่ 1 ห้องนอน พื้นที่ 34.56-45.77 ตารางเมตร จำนวน 95 ยูนิต และ 2 ห้องนอน พื้นที่ 53.25-59.44 ตารางเมตร จำนวน 14 ยูนิต และลอฟท์ การ์เด้นท์ 2 ห้องนอน 2 ชั้น พื้นที่ 60.53 ตารางเมตร จำนวน 7 ยูนิต โดยจะเปิดจองในงาน Exclusive Booking day ระหว่างวันที่ 22-23 ก.ย.นี้
สำหรับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายจะเน้นผู้ที่ซื้อเพื่อการลงทุน 70% และกลุ่มที่ซื้อเพื่ออยู่อาศัย 30% เพราะในแง่ของผลตอบแทนด้านการลงทุนคอนโดมิเนียมย่านสุขุมวิท เป็นทำเลที่ทำกำไรได้ดีจากการปล่อยเช่า หากดูจากอัตราค่าเช่าปัจจุบันที่ 1,000 บาท/ตารางเมตร/เดือน คาดว่าโครงการโครงการวาลเด้น สุขุมวิท 39 จะมีอัตราค่าเช่าอยู่ที่ 30,000-60,000 บาท/เดือน โดยอัตราผลตอบแทนเฉลี่ยจากการให้เช่าค่อนข้างสูงที่ 5% ต่อปี ซึ่งหากเปรียบเทียบกับทำเลในเขตกรุงเทพฯชั้นในที่มีอัตราผลตอบแทนเฉลี่ยอยู่ที่ 3% ต่อปี ทำให้คอนโดมิเนียมในทำเลนี้เป็นที่น่าสนใจด้านการปล่อยเช่า และมั่นใจว่าโครงการวาลเด้น สุขุมวิท 39 จะได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้า ซึ่งคาดว่ายอดขายโครงการด่งกล่าวถึงสิ้นปีนี้จะขายได้ 80%
นายชนินทร์ กล่าวว่า แนวโน้มของโครงการคอนโดมิเนียมระดับพรีเมียมและลักชัวรี่ยังขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง และยังได้รับความสนใจจากผู้ซื้ออยู่อาศัยเองและกลุ่มนักลงทุนชาวไทยและต่างชาติ ซึ่งทำเลที่มีศักยภาพในการพัฒนามีค่อนข้างจำกัด โดยเฉพาะที่ดินย่านสุขุมวิทและที่ดินติดรถไฟฟ้าที่มีความต้องการสูงและราคายังคงปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง ส่งผลให้ราคาคอนโดมิเนียมย่านสุขุมวิท 39 ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา (ปี 57-61) ปรับตัวสูงขึ้นมาก เป็น 275,000 บาท/ตารางเมตร ในปัจจุบัน จากเดิมที่ 160,000 บาท/ตารางเมตร
ทั้งนี้ คาดว่าแนวโน้มการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมพรีเมียมและลักชัวรี่โลว์ไรส์ บนทำเลย่านสุขุมวิท 39 มีการเปิดตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากเป็นทำเลที่ทำกำไรได้ดีจากการปล่อยเช่า และยังเป็นทำเลที่มีอัตราการเข้าพักอาศัยสูง อีกทั้งยังมีอัตราค้าเช่าอยู่ในระดับสูงที่สุดของกรุงเทพฯ โดยอยู่ที่ 1,000 บาท/ตารางเมตร/เดือน และยังพบว่าย่านสุขุมวิท 39 มีชาวต่างชาติอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะชาวญี่ปุ่นที่มีประมาณ 100,000 ครอบครัว หรือราว 250,000 คน
นอกจากนี้ ในช่วงไตรมาส 4/61 บริษัทฯ จะเปิดอีก 1 โครงการ คือ โครงการวาลเด้น สุขุวิท 31 มูลค่า 800 ล้านบาท เป็นคอนโดมิเนียมโลว์ไรส์ 8 ชั้น จำนวน 104 ยูนิต ราคาขาย 6-10 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้ในปีนี้เปิดโครงการได้ตามแผนการที่วางไว้ 4 โครงการ มูลค่ารวม 3 พันล้านบาท และคาดว่ายอดขายในปีนี้จะทำได้ตามเป้าหมายที่ 3 พันล้านบาท โดยที่ยอดขายในครึ่งปีแรกบริษัททำได้แล้ว 1.5 พันล้านบาท ซึ่งเป็นยอดขายที่จาก 2 โครงการที่เปิดไปในครึ่งปีแรก คือ โครงการ LE ROW ร่วมฤดี มูลค่า 250 ล้านบาท ที่ขายหมดไปแล้ว และโครงการวาลเด้น อโศก มูลค่า 700 ล้านบาท ปัจจุบันมียอดขายแล้ว 90%
ปัจจุบันบริษัทมียอดขายรอโอน (Backlog) อยู่ที่ 3 พันล้านบาท ซึ่งจะทยอยโอนในช่วงปลายปี 61 ไปจนถึงปี 63 โดยปีนี้จะมีการเริ่มทยอยโอนโครงการครอสทู ซีเฟียร์ เข้ามาในช่วงต้นปี และปลายปีจะมีโครงการครอสทู โอเชี่ยนเฟียร์ เข้ามาเสริม ซึ่งบริษัทคาดว่ารายได้ไนปีนี้จะอยู่ที่ 400-500 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีรายได้อยู่ที่ 200-300 ล้านบาท และคาดว่าจากการเปิดโครงการใหม่อีก 3 โครงการในช่วงครึ่งปีหลังจะสามารถผลักดันให้ Backlog ของบริษัทเพิ่มขึ้นเป็น 4-5 พันล้านบาทในช่วงสิ้นปีนี้
ส่วนแผนการระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์นั้น ยังอยู่ระหว่างการพิจารณา คาดว่าจะเป็นไปได้ในอีก 2-3 ปีข้างหน้า