นายอดุลย์ โชตินิสากรณ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 4 กันยายน 2561 ได้จัดอบรมสัมมนาเชิงปฏิบัติการ หัวข้อ "การเชื่อมโยงตลาดมันเส้นสะอาดระหว่างผู้ผลิตกับผู้ใช้มันเส้นสะอาด" ในจังหวัดนครราชสีมา เนื่องจากจังหวัดนครราชสีมาเป็นแหล่งเพาะปลูกมันสำปะหลังที่ใหญ่ที่สุดของไทย เพื่อสร้างองค์ความรู้ให้กับเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังและก่อให้เกิดแนวทางการเชื่อมโยงตลาดมันเส้นสะอาดระหว่างเกษตรกรกับผู้ใช้มันเส้นสะอาด อีกทั้ง เป็นการเตรียมความพร้อมให้กับเกษตรกรก่อนเข้าสู่ช่วงฤดูการเก็บเกี่ยวในเดือนตุลาคมนี้
ทั้งนี้ การสัมมนาดังกล่าว เป็นเวทีสำคัญที่ภาครัฐได้บูรณาการร่วมกันจัดกิจกรรมการเชื่อมโยงตลาดเพื่อให้ผู้ผลิต ได้แก่ เกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลัง ผู้ประกอบการลานมันและผู้ที่สนใจได้พบปะแลกเปลี่ยนความเห็นร่วมกับภาคเอกชนซึ่งเป็นผู้รับซื้อผลผลิต เพื่อร่วมกันหาแนวทาง การพัฒนาตลาดมันเส้นสะอาด ยกระดับมาตรฐานการผลิตมันเส้นให้มีคุณภาพดี ตอบสนองความต้องการของอุตสาหกรรมต่างๆ ทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ อีกทั้งช่วยส่งเสริมและขยายตลาดการค้าผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังให้กว้างขวางยิ่งขึ้น
นายอดุลย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า กรมการค้าต่างประเทศได้ดำเนินโครงการมันเส้นสะอาดมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ การอบรมสัมมนาจะมุ่งเน้นให้ความรู้เกี่ยวกับมาตรฐานมันเส้นสะอาด มาตรการช่วยเหลือต่างๆ จากหน่วยงานภาครัฐ ได้แก่ สำนักงานพาณิชย์จังหวัด สำนักงานเกษตรจังหวัด และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร เป็นต้น ตลอดจนร่วมรับฟังนโยบายและสถานการณ์ตลาดมันสำปะหลังจากภาคเอกชนซึ่งเป็นผู้ซื้อผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังเพื่อเป็นวัตถุดิบในอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น อุตสาหกรรมอาหารสัตว์ อุตสาหกรรมเอทานอล เป็นต้น
อย่างไรก็ดี ผู้ประกอบการต่างยืนยันว่า มันเส้นสะอาดยังเป็นที่ต้องการของตลาดเป็นอย่างมาก เนื่องจากเปอร์เซ็นต์เชื้อแป้งสูง อัตราแปรสภาพดี เหมาะสมสำหรับอุตสาหกรรมต่อเนื่องทุกอุตสาหกรรม รวมทั้งเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ดังนั้น จึงขอให้เกษตรกรหันมาแปรรูปเป็นมันเส้นสะอาดให้มากขึ้นเพื่อยกระดับรายได้อย่างยั่งยืนต่อไป
ทั้งนี้ มันสำปะหลังเป็นสินค้าเศรษฐกิจที่สำคัญของไทยสามารถนำเงินตราเข้าประเทศปีละหลายแสนล้านบาทและสามารถสร้างงานสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรและผู้ใช้แรงงานในอุตสาหกรรมต่อเนื่องหลายล้านครัวเรือน ไทยเป็นผู้ส่งออกมันสำปะหลังและผลิตภัณฑ์ เป็นอันดับ 1 ของโลกในปี 2561 (มกราคม –กรกฎาคม) ปริมาณรวม 5.10 ล้านตัน มูลค่า 1,805.76 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 57,081.76 ล้านบาท ปริมาณลดลง 22.01% ในขณะที่มูลค่าการส่งออกเพิ่มขึ้น 13.66% เมื่อเทียบกับปี 2560 ตลาดส่งออกหลัก ได้แก่ จีน ญี่ปุ่น ตุรกี และ อื่นๆ