รายงานด้านพลังงานในสมุดปกขาวที่ออกโดยคณะรัฐมนตรีจีนยืนยันว่า จีนจะยังคงพึ่งพาการใช้พลังงานถ่านหินในระยะยาวต่อไป พร้อมทั้งชี้แจงว่า ภาวะเศรษฐกิจที่ขยายตัวของจีนมิได้เป็นภัยคุกคามความมั่นคงด้านพลังงานโลกแต่อย่างใด
รัฐสภาจีนกล่าวว่า "จีนจะหาแนวทางในการใช้พลังงานถ่านหินที่สะอาดขึ้นเพื่อลดผลกระทบจากภาวะโลกร้อน โดยจีนไม่เคยและจะไม่ทำการใดๆที่ถือเป็นภัยคุกคามเสถียรภาพด้านพลังงานของโลก"
ในรายงานดังกล่าวระบุว่า จีนจะหาแหล่งทรัพยากรพลังงานภายในประเทศมากขึ้น พร้อมทั้งเดินหน้าสำรวจน้ำมันและก๊าซควบคู่ไปกับการพัฒนาพลังงานหมุนเวียนและกระตุ้นการใช้พลังงานอย่างคุ้มค่า
สำนักงานพลังงานสากล (IEA) เปิดเผยว่า อุปสงค์พลังงานโดยรวมของจีนจะขยายตัวขึ้น 3.2% ต่อปีในระหว่างปี 2548 และ 2573 ซึ่งขณะนี้จีนพึ่งพาพลังงานถ่านหินเป็นสัดส่วน 70% ของพลังงานทั้งหมดที่จำเป็นของจีน ซึ่งเป็นที่คาดว่า ถ่านหินจะยังคงเป็นทรัพยากรพลังงานที่มีบทบาทสำคัญกับจีนอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม ปริมาณการใช้ถ่านหินยังเป็นตัวการสำคัญที่ก่อให้เกิดมลพิษทางอากาศในประเทศจีน และเป็นต้นเหตุของการเกิดภาวะเรือนกระจก ซึ่งหากจีนยังมีปริมาณการใช้ถ่านหินในระดับนี้อย่างต่อเนื่อง จีนจะต้องเผชิญแรงกดดันด้านสิ่งแวดล้อมเพิ่มมากขึ้น
สำนักข่าวซินหัว ไฟแนนซ์รายงานว่า หลังจากที่จีนเดินหน้าพัฒนาเศรษฐกิจจนเฟื่องฟูมาเป็นเวลาเกือบ 30 ปี จีนก็ได้กลายเป็นประเทศผู้ผลิตพลังงานรายใหญ่ที่สุดอันดับ 2 ของโลกที่ต้องหาทรัพยากรธรรมชาติจากแหล่งอื่นๆ โดยเฉพาะน้ำมันดิบในแอฟริกาและเอเชียกลาง
นอกจากนี้ รายงานในสมุดปกขาวยังระบุด้วยว่า จีนได้ให้คำมั่นที่จะลดระดับการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกสู่ชั้นบรรยากาศโลกให้ได้ที่ 9.3% ในระหว่างปี 2493-2549 แม้ว่าจีนจะเป็นประเทศที่แพร่กระจายก๊าซดังกล่าวเป็นลำดับที่ 92 ของโลกก็ตาม
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย อรษา สงค์พูล/สุนิตา โทร.0-2253-5050 ต่อ 315 อีเมล์: sunita@infoquest.co.th--