นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายเศรษฐกิจ เปิดเผยว่า การที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยเมื่อวานนี้ (13 ก.ย.) ปรับตัวขึ้นแรงนั้น ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการเมืองไทยมีความชัดเจนมากขึ้น ซึ่งสะท้อนว่าแรงกดดันเรื่องการเมืองของไทยคลี่คลายลง ทำให้นักลงทุนต่างชาติมีความมั่นใจต่อเศรษฐกิจไทยเพิ่มมากขึ้น เพราะที่ผ่านมาต่างชาติก็ไม่ได้รู้ข้อมูลเกี่ยวกับประเทศไทยมากนัก ส่วนใหญ่รู้แค่จะมีหรือไม่มีการเลือกตั้งเท่านั้น นอกเหนือจากการมองว่าไทยเป็นแหล่งที่ปลอดภัยสำหรับการลงทุนของต่างชาติ
"ด้านมหภาคของเราโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง เรามีความแข็งแรงทางด้านเศรษฐกิจ เรามีหนี้ระยะสั้นน้อย ทำให้ไทยไม่ได้รับผลกระทบจากความผันผวนของเศรษฐกิจจากภายนอก ตรงนี้เป็นข้อมูลที่เคยชี้แจงกับนักลงทุนไปแล้วในงานไทยแลนด์ โฟกัส และเมื่อการเมืองชัดเจนแบบนี้จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ต่างชาติมั่นใจที่จะรักษาระดับการลงทุนในไทยแบบนี้ต่อไป" นายสมคิด กล่าว
สำหรับภาพรวมเศรษฐกิจไทยในปีหน้า นายสมคิด เชื่อว่าต้องดีกว่าปีนี้ เนื่องจากรัฐบาลกำลังเร่งการเบิกจ่ายงบประมาณในโครงการลงทุนขนาดใหญ่ โดยเชื่อว่าหากปลายปีนี้สามารถร่างข้อตกลงในทีโออาร์เพื่อเปิดประมูลหาผู้ก่อสร้างโครงการด้านคมนาคมขนส่งต่าง ๆ ได้ จะทำให้ในช่วงไตรมาส 1-2 ของปีหน้าจะมีการเบิกจ่ายงบลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ออกมามากขึ้น ซึ่งจะมีผลดีต่ออัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม ในปีงบประมาณ 62 จะต้องกำชับทุกหน่วยงานให้เร่งเบิกจ่ายงบลงทุนให้ได้มากที่สุด
นายสมคิด ยังกล่าวถึงกรณีที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ส่งสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยว่า ธปท. มีความรู้ความสามารถ ฉะนั้นจะต้องมีวิจารณญาณในการพิจารณาปัจจัยที่เกี่ยวข้องอย่างรอบคอบ มีเหตุผล ต้องรู้อะไรเหมาะสม และเชื่อว่า ธปท.ต้องช่วยเราอยู่แล้ว
ด้านนายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง เปิดเผยว่าภายหลังราชกิจจานุเบกษาลงประกาศ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ไปแล้ว เป็นการสร้างเชื่อมั่นและความมั่นใจให้นักลงทุนว่าทุกอย่างเดินหน้าตามโรดแมพที่วางไว้ เพราะต้องยอมรับว่าในทางการเมืองมีการพูดกันไปก่อนหน้านี้ว่าจะมีการเลื่อนเลือกตั้ง หรืออาจไม่มีการเลือกตั้งเกิดขึ้น
"พ.ร.บ.ดังกล่าวเป็นตัวที่ช่วยสร้างความเชื่อมั่นและมั่นใจให้นักลงทุนว่าทุกอย่างเดินหน้าไปตามโรดแมพที่วางไว้ มีการเลือกตั้ง หาเสียง ถือเป็นเรื่องปกติ ตอนที่กฎหมายนี้ยังไม่ออก ทุกคนอาจจะยังไม่แน่ใจ แต่พิสูจน์แล้วว่า เมื่อถึงเวลาก็เป็นไปตามแผนที่วางไว้ ทำให้คนมั่นใจว่าหลังจากนี้จะไม่ผิดไปจากโรดแมพ... เป็นผลดีให้กับตลาดหุ้นด้วย โดยดัชนีเมื่อวานมีการปรับขั้นมาเยอะ ก็ต้องยอมรับว่าส่วนหนึ่งมาจากเรื่องนี้ และยังมีปัจจัยจากต่างประเทศเข้ามาเสริมด้วย สะท้อนจากตลาดหุ้นทุกตลาดปรับขึ้นเหมือนกันหมด"นายอภิศักดิ์ กล่าว
ส่วนความเป็นไปได้ที่อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทย (GDP) ปีนี้จะมีโอกาสเติบโตถึง 5% หรือไม่นั้น รมว.คลัง ระบุว่า "ถ้าถึงได้ก็ดี ที่ผ่านมาก็พยายามทำอยู่ ถ้า GDP โตได้สูงก็หมายถึงประเทศมีความร่ำรวยมากขึ้น ผลที่ตามมาคือ ประชาชนจะมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น คนยากไร้ก็น้อยลงด้วย"
รมว.คลัง กล่าวว่า สำหรับปีนี้ในช่วง 3 เดือนสุดท้าย กระทรวงการคลังจะเร่งผลักดันในเรื่องของกฎหมายที่เกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐานการเงินหลายตัว ซึ่งผ่านความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี (ครม.)ไปแล้ว และอยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกา ประมาณ 20 เรื่อง และอยู่ที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) อีกกว่า 10 กว่าเรื่องก็ต้องผลักดันต่อให้จบ