ผลการสำรวจจากหนังสือพิมพ์นิกเกอิบ่งชี้ว่า สัดส่วนประธานและหัวหน้าฝ่ายบริหาร (ซีอีโอ) ของบริษัทเอกชนจำนวน 134 แห่งที่คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจญี่ปุ่นจะขยายตัวเพิ่มขึ้นนั้นปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ระดับ 64% ในเดือนธ.ค.จากระดับ 79% ในเดือนต.ค. หลังจากที่เมื่อเดือนต.ค. 2548 ถึงเดือนส.ค. 2550 มีสัดส่วนของซีอีโอจำนวน 85-89% มองว่าเศรษฐกิจจะขยายตัวดีขึ้น
จากผลสำรวจที่จัดทำขึ้นล่าสุดระบุว่า ดัชนี diffusion index (DI) ของญี่ปุ่นปรับตัวอยู่ที่ระดับ 56.7 ซึ่งเป็นตัวเลขต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย. 2548 ซึ่งเป็นช่วงที่ดัชนีดังกล่าวร่วงลงแตะ 45.5
นอกจากนี้ ผลสำรวจดังกล่าวยังบ่งชี้ด้วยว่า ประธานของบริษัทเอกชนมองว่า เศรษฐกิจอาจมีความเสี่ยงที่จะเผชิญช่วงขาลงเพิ่มขึ้น โดย 79% ชี้ว่าผลกระทบด้านลบจากวิกฤตซับไพรม์สหรัฐจะมีผลต่อเศรษฐกิจญี่ปุ่นหรือสหรัฐ ซึ่งตัวเลขดังกล่าวปรับตัวเพิ่มขึ้น 15% จากผลสำรวจในช่วงก่อนหน้านี้
ขณะที่ 99% มองว่าราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวสูงขึ้นเป็นปัจจัยลบต่อเศรษฐกิจ และ 75% กล่าวว่า ปัจจัยด้านราคาน้ำมันจะเป็นปัจจัยที่ฉุดผลกำไรของบริษัท
ทั้งนี้ ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านที่ปรับตัวลง ซึ่งเป็นผลมาจากข้อบังคับด้านการก่อสร้างที่เข้มงวดมากขึ้นซึ่งมีผลบังคับใช้เมื่อเดือนมิ.ย.ทำให้มีผู้บริหาร 96% มองว่า ข้อบังคับดังกล่าวเป็นปัจจัยที่บั่นทอนการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ขณะที่ 52% กล่าวว่าภาวะเช่นนี้จะกระทบต่อตัวเลขผลประกอบการของบริษัท
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย อรษา สงค์พูล/สุนิตา โทร.0-2253-5050 ต่อ 315 อีเมล์: sunita@infoquest.co.th--