นายอภิรมย์ สุขประเสริฐ ผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ธ.ก.ส. ได้ดำเนินมาตรการลดภาระหนี้เพื่อสนับสนุนการปฏิรูปภาคการเกษตรตามแนวทางเกษตรประชารัฐแก่เกษตรกร เพื่อแก้ไขปัญหาหนี้สินเกษตรกรที่เป็นภาระหนักให้สามารถกลับมาฟื้นฟูตนเองทั้งการประกอบอาชีพและการสร้างรายได้ โดยมีเกษตรกรได้รับประโยชน์ 3.81 ล้านราย ประกอบด้วย 1) โครงการลดดอกเบี้ยเงินกู้ให้แก่เกษตรกร สำหรับต้นเงินกู้ 300,000 บาทแรก ลดลงในอัตราร้อยละ 3 ต่อปี เป็นระยะเวลา 1 ปี ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2561 ถึงวันที่ 31 กรกฎาคม 2562 เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนและเป็นการลดต้นทุนในการประกอบอาชีพ สามารถฟื้นฟูตนเองรวมถึงการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตให้ดียิ่งขึ้นมีเงินใช้จ่ายในครัวเรือนและออมเงินมากขึ้น ซึ่งขณะนี้ ธ.ก.ส.ได้ลดดอกเบี้ยเงินกู้ให้แก่เกษตรกรไปแล้ว 3.81 ล้านราย เป็นเกษตรกรทั่วไป 2.43 ล้านราย และเป็นเกษตรกรที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 1.38 ล้านราย
2) โครงการขยายเวลาชำระหนี้ให้แก่เกษตรกรลูกค้า ธ.ก.ส. ที่มีหนี้เงินกู้ที่เป็นภาระหนักเพื่อผ่อนคลายภาระหนี้สิน แบ่งเบาปัญหาสภาพคล่องทางการเงินในครัวเรือน โดยขยายระยะเวลาชำระต้นเงินกู้ 3 ปี ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2561 ถึงวันที่ 31 กรกฎาคม 2564 ตามความสมัครใจ สำหรับดอกเบี้ยเงินกู้ให้ชำระตามกำหนดเดิม หรือตามที่มาแห่งรายได้อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง เว้นในกรณีเป็นภาระหนักให้ขยายเวลาชำระดอกเบี้ยหรือปรับปรุงโครงสร้างหนี้เป็นราย ๆ ไป ซึ่งขณะนี้ ธ.ก.ส.ได้ขยายเวลาชำระหนี้ให้แก่เกษตรกรไปแล้ว 715,114 ราย วงเงิน 205,521 ล้านบาท
ทั้งนี้ เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับเกษตรกรลูกค้า พนักงาน ธ.ก.ส.จะนัดหมายและออกไปพบเกษตรกรลูกค้าเพื่อประชุมชี้แจงรายละเอียดโครงการและสอบถามความสมัครใจ ณ จุดนัดหมายต่างๆ ที่เกษตรกรสะดวกเช่นเดียวกับวันนี้ที่จัดขึ้น ณ ห้องประชุมอาคารอเนกประสงค์บึงบอระเพ็ด อำเภอเมือง จังหวัดนครสวรรค์ โดยเกษตรกรสามารถแจ้งความประสงค์และลงชื่อในแบบแสดงความประสงค์เข้าร่วมโครงการฯ ภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2561
สำหรับโครงการช่วยเหลือค่าเก็บเกี่ยวและปรับปรุงคุณภาพข้าวให้แก่เกษตรกรรายย่อยผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2561/62 ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2561 ซึ่งได้เห็นชอบให้ความช่วยเหลือแก่เกษตรกรผู้ปลูกข้าวหอมมะลิ ข้าวเหนียว ข้าวเจ้าและข้าวปทุมธานี 1 ที่ได้ขึ้นทะเบียนผู้ปลูกข้าวกับกรมส่งเสริมการเกษตร ปีการผลิต 2561/62 ในอัตราไร่ละ 1,500 บาท รายละไม่เกิน 12 ไร่ รวมครัวเรือนละ ไม่เกิน 18,000 บาท ซึ่งมีเป้าหมายเกษตรกรที่ได้รับประโยชน์กว่า 4.05 ล้านราย พื้นที่การผลิต 38 ล้านไร่ วงเงิน 57,722 ล้านบาท โดยปัจจุบันได้มีการมอบเงินช่วยเหลือค่าเก็บเกี่ยวให้แก่เกษตรกรแล้วกว่า 84,000 ราย เป็นเงินกว่า 1,400 ล้านบาท ซึ่งธ.ก.ส.จะเร่งให้ความช่วยเหลือแก่เกษตรกรให้ครบถ้วนตามนโยบายของรัฐบาลต่อไป
สำหรับพื้นที่จังหวัดนครสวรรค์ ธ.ก.ส. ได้ดำเนินการช่วยเหลือเกษตรกรตามโครงการดังกล่าวไปแล้ว 43,827 ราย เป็นเงินกว่า 745.8 ล้านบาท ทั้งนี้ เกษตรกรซึ่งมีพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายจากภัยธรรมชาติ ซึ่งรัฐบาลได้จัดสรรงบประมาณเพื่อช่วยเหลือไปแล้ว จะต้องนำส่วนที่เสียหายมาหักลบออกจากพื้นที่เพาะปลูกทั้งหมดก่อน ทั้งนี้ การจ่ายเงินเพื่อช่วยเหลือค่าเก็บเกี่ยวและปรับปรุงคุณภาพข้าว ปีการผลิต 2561/62 มีระยะเวลาดำเนินโครงการตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2561 ถึงวันที่ 30 กันยายน 2562