นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กล่าวถึงกรณีที่สหรัฐประกาศจะเก็บภาษีนำเข้าจากจีนในอัตรา 10% มูลค่า 200,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ที่จะมีผลในวันที่ 24 ก.ย.61 ว่า อาจส่งผลกระทบต่อบรรยากาศการค้าและการลงทุนของโลก ทำให้นักลงทุนต้องวางแผนในการเข้าไปลงทุนให้รอบคอบมากขึ้น รวมทั้งอาจมีผลกระทบจากการที่จะมีสินค้าส่วนเกินจากการถูกใช้มาตรการทางภาษีทั้งของสหรัฐฯ และจีนไหลทะลักเข้ามายังประเทศต่างๆ ทั่วโลก รวมทั้งไทย ดังนั้น กระทรวงพาณิชย์จะคอยเฝ้าระวังสินค้ากลุ่มเสี่ยงที่จะทะลักเข้ามายังไทยต่อไป
"ในแง่ผลกระทบเชิงบวก ต้องดูว่ามีสินค้ารายการใดที่ไทยสามารถส่งออกไปตลาดสหรัฐฯทดแทนสินค้าจีนที่ถูกใช้มาตรการทางภาษีได้บ้าง ซึ่งก็เป็นโอกาสของสินค้าไทยเช่นกัน รวมไปถึงสินค้าสหรัฐฯที่จะถูกจีนเรียกเก็บภาษีจากมาตรการตอบโต้ ไทยก็ควรใช้โอกาสนี้ส่งออกสินค้าเข้าไปตลาดจีนทดแทนสินค้าสหรัฐเช่นกัน" นางอรมน กล่าว
นอกจากนี้ กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กำลังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดกรณีที่จีนและสหรัฐฯได้ฟ้องร้องกันเองต่อองค์การการค้าโลก (WTO) เกี่ยวกับการใช้มาตรการทางการค้าของทั้ง 2 ประเทศ โดยแต่ละฝ่ายอ้างว่าการใช้มาตรการทางการค้าของแต่ละฝ่ายขัดกับความตกลงของ WTO อย่างไรก็ตาม ในส่วนที่สหรัฐฯฟ้องร้องจีนนั้น ไทยขอเข้าร่วมสังเกตการณ์ แต่สหรัฐฯไม่ให้เข้าร่วม โดยอ้างว่าไทยไม่ใช่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียโดยตรง
ขณะเดียวกัน ผู้ประกอบการของไทยในสินค้าต่างๆ ที่พบเห็นการนำเข้าสินค้ามากจนผิดปกติ สามารถแจ้งให้กรมการค้าต่างประเทศรับทราบทันที เพื่อจะได้พิจารณาใช้มาตรการที่มีอยู่ปกป้องไม่ให้มีสินค้าไหลทะลักเข้าไทย ทั้งมาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุน (AD/CVD) และมาตรการปกป้องการนำเข้าที่เพิ่มขึ้น (เซฟการ์ด)