นายสมชาย หาญหิรัญ รมช.อุตสาหกรรม กล่าวปาฐกถาพิเศษเรื่อง "ทศวรรษแห่งการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยกับความท้าทายในยุคแห่งเทคโนโลยีและนวัตกรรม" ในงานสัมมนา "20 ปี สถาบันยานยนต์กับทศวรรษแห่งการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมยานยนต์" ว่า ช่วงทศวรรษที่ผ่านมา อุตสาหกรรมยานยนต์มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมากจนไม่คาดคิดว่าจะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ เนื่องจากมีการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาเป็นตัวเร่ง ขณะที่อุตสาหกรรมยานยนต์ของไทยมีความเข้มแข็ง และพัฒนาการอย่างต่อเนื่องตามนโยบายรัฐบาล ดังนั้นการจัดทำ Big Data จึงเป็นเรื่องสำคัญที่จะเข้ามาเชื่อมโยงไปยังกระบวนการผลิตในส่วนต่างๆ
"เมื่อรัฐบาลกำหนดยุทธศาสตร์ที่ชัดเจนไว้แล้ว เชื่อว่าการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์จะเดินหน้าพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว...เรามีแผนชัดเจน 5 ปี" นายสมชาย กล่าว
สำหรับนโยบายของภาครัฐนั้น กำหนดให้อุตสาหกรรมยานยนต์เป็น 1 ใน 5 อุตสาหกรรม S-Curve เนื่องจากเป็นอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพในการแข่งขัน โดยขณะนี้มีผู้สนใจยื่นเรื่องขอลงทุนผลิตยานยนต์ไฟฟ้า ตลอดจนการจัดตั้งสถานีชาร์จไฟแล้วหลายราย ซึ่งตามแผนตั้งเป้าในปี 2579 จะมีสัดส่วนการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า 25% ของการผลิตรถยนต์ทั้งหมด
รมช.อุตสาหกรรม กล่าวว่า แนวโน้มการเติบโตของอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าในช่วง 1-2 ปีมีความรวดเร็วมาก เนื่องจากกระแสอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม การใช้พลังงานสะอาด ดังนั้นการพัฒนาคงไม่สามารถดำเนินการได้ด้วยตัวเองเพียงฝ่ายเดียว แต่หากมีการเชื่อมโยงห่วงโซ่การผลผลิตเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันจะช่วยให้การพัฒนาเป็นไปอย่างรวดเร็ว
นายศิริรุจ จุลกะรัตน์ รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะประธานกรรมการสถาบันยานยนต์ กล่าวว่า ปัจจุบันไทยเป็นฐานการผลิตอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วนระดับ 1 ใน 12 แห่งของโลก ซึ่งมีผู้ประกอบการข้ามชาติเข้ามาลงทุนรวม 24 ราย แยกเป็น รถยนต์ 17 ราย และรถจีกรยานยนต์อีก 7 ราย ขณะเดียวกันมีผู้ประกอบการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์อีกกว่า 2 พันราย
ในทศวรรษแห่งการเปลี่ยนแปลงนี้ นับเป็นความสำคัญอย่างยิ่งที่สถาบันยานยนต์จะเข้ามามีบทบาทการทำงานร่วมกับภาครัฐ ผู้ประกอบการ และภาคการศึกษา เพื่อให้อุตสาหกรรมยานยนต์ของไทยสามารถปรับตัวพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
ด้านนายอดิศักดิ์ โรหิตะศุน กรรมการสถาบันยานยนต์ ผู้ทำการแทนผู้อำนวยการสถาบันฯ กล่าวว่า สถาบันฯ เตรียมจัดตั้งศูนย์วิจัยอุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ (Next Generation Automotive Reserch Center) เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของอุตสาหกรรมยานยนต์ เนื่องจากสถานการณ์โลกที่มีความกังวลเกี่ยวกับปัญหาความปลอดภัย ปัญหาสิ่งแวดล้อม ปัญหาจราจร และการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี
"มีการเตรียมความพร้อมสำหรับเอสเอ็มอีที่เป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนในประเทศ เนื่องจากมีชิ้นส่วนยานยนต์ที่เลิกใช้ ยังใช้อยู่ และต้องผลิตขึ้นใหม่" นายอดิศักดิ์ กล่าว
ปัจจุบันอุตสาหกรรมยานยนต์ของไทยมีกำลังการผลิต 3 ล้านคัน/ปี แต่ยังเหลือกำลังการผลิตอีกเกือบ 1 ล้านคัน มียอดส่งออกสูงกว่า 1 ล้านคัน/ปี สามารถสร้างรายได้เข้าประเทศคิดเป็น 2% ของ GDP
ขณะนี้มีผู้ประกอบการเสนอโครงการลงทุนผลิตยานยนต์ไฟฟ้าเพื่อขอรับการส่งเสริมการลงทุนรวม 8 ราย ซึ่งมีทั้งแบบ Plug in และแบบไฮบริด โดยได้รับการอนุมัติไปแล้ว 5 ราย