นายณภัทร จาตุศรีพิทักษ์ นักเศรษฐศาสตร์จุลภาคประยุกต์ และซีอีโอบริษัท Siametrics Consulting กล่าวในในงาน Digital Thailand Big Bang 2018 ว่า การนำ Big Data ไปใช้งานผ่านแอพลิเคชั่นและการบริการยังมีช่องว่างอยู่มาก จึงต้องอาศัยการวางกลยุทธ์ ทั้งนี้ หากลองมาดูมูลค่าการซื้อขายของบริษัทชั้นนำของโลก 7 อันดับ มีมูลค่ามากกว่าจีดีพี ของประเทศไทยถึง 11 เท่า สาเหตุก็เพราะว่าบริษัทเหล่านั้นมีการใช้งาน Big Data มานานแล้ว และสร้างประโยชน์จาก Big Data ได้อย่างมหาศาล
จากผลสำรวจพบว่า 72% เทคโนโลยี AI และ BIG Data จะมาใน 5 ปี แต่ 77% ยังไม่มีแผนรองรับ เนื่องจากบิ๊กดาต้ามีความสลับซับซ้อน ต้องรวบรวมข้อมูลทุกอย่างในยุค 4.0 ข้อมูลไม่มีวันดีที่สุดและดีเสมอไป มีค่าใช้จ่ายสูงในการตรวจสอบความถูกต้อง ข้อมูลผิดได้ง่าย มีเรื่องกฏหมายและจริยธรรมมาเกี่ยวข้อง การที่ประเทศจะเริ่มต้น ต้องเริ่มจากข้อมูลที่เรียบง่ายและเกี่ยวข้องกัน ต้องคิดถึงผลแห่งความสำเร็จ ผู้บริหารต้องมีความเห็นตรงกันว่าทรัพยากรบุคคลมีความสำคัญ การจัดการข้อมูลและเครื่องมือต่างๆ ช่วยให้การทำงานดีขึ้น อย่าให้นโยบาย และ กฎระเบียบต่าง ๆ มาเป็นอุปสรรค
นายอโณทัย เวทยากร รองประธานบริหาร บริษัท เดลล์อีเอ็มซีภูมิภาคอินโดจีน คาดการณ์ว่าในปี 2568 จะมีอุปกรณ์ IoT เกิดขึ้นมากว่า 1 ล้านล้านชิ้น เราจะมี VR และ AR เป็นตัวเชื่อมระหว่างโลกทางกายภาพและโลกดิจิทัลให้กันมากขึ้น เช่น วีดีโอ 360 องศา โฮโลแกรม แว่นตาเสมือนจริง ซึ่งจะสามารถสร้างประโยชน์ได้อีกหลายด้าน เราจะมีหุ่นยนต์ เป็นผลรวมของเทคโนโลยีที่หลากหลายไม่ว่าจะเป็น เซ็นเซอร์จำนวนมาก การใช้เอไอ หรือปัญญาประดิษฐ์ และ เอ็มแอล เหรือการเรียนรู้ของเครื่อง ข้ามาร่วมกันพัฒนาให้ก้าวกระโดดไปอย่างมาก
อย่างไรก็ตามมักมีคำถามว่าอนาคตหุ่นยนต์จะมาแทนที่คนได้หรือไม่ ก็ต้องบอกว่า หุ่นยนต์เหมาะการทำงานแบบซ้ำ ๆ งานละเอียดและงานเสี่ยงภัย ส่วนงานที่ต้องใช้อารมณ์ และการตัดสินใจที่เป็นเรื่องใหญ่ ยังต้องใช้มนุษย์
นายธีร์ ฉายากุล ผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัททราเวลโลกา กล่าวว่า บริษัทฯ ได้แนวคิดในการทำธุรกิจจากการต้องการแก้ไขปัญหาสำหรับลูกค้าเพื่อให้ข้อมูลการท่องเที่ยวมารวมอยู่ในแหล่งเดียวกันโดยการนำดิจิทัลเทคโนโลยีมาใช้ ซึ่งสิ่งสำคัญในดำเนินธุรกิจนี้คือการใช้ประโยชน์จากข้อมูล Big Data ทำให้บริษัทฯได้เติบโตอย่างรวดเร็วและได้เริ่มขยายฐานข้อมูลจากจุดเริ่มในอินโดนีเซีย และขยายครอบคลุมไปยังประเทศต่างๆ ซึ่งรวมถึงไทย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ เวียดนาม เป็นต้น
นายธีร์ กล่าวว่า บริษัททราเวลโลกา เป็นผู้นำด้านโมบาย เว็บ ของธุรกิจด้านการท่องเที่ยวและสายการบิน โดยสถิติผู้เข้าชมเว็บไซต์ในระหว่างเดือนมิถุนายน-สิงหาคม 2561 กว่า 5 ล้านคน โดยทราฟฟิค แชร์ ของบริษัท 51.2% มาจากการให้บริการผ่านมือถือ และ 48.8% จากผู้ใช้บริการผ่านทางเดสก์ท็อป โดยบริษัทคาดว่าดิจิทัล อีโคโนมี ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จะมีการเติบขึ้น 15% ภายใน 10 ปี มูลค่ารวมกว่า 197 พันล้านเหรียญสหรัฐ โดยในธุรกิจท่องเที่ยวผ่านบริการออนไลน์คาดว่าจะมีมูลค่าคิดเป็น 38% หรือ 77 พันล้านเหรียญสหรัฐ ของอุตสาหกรรมโดยรวมของดิจิทัล อีโคโนมี ทั้งหมด
สำหรับตลาดในประเทศไทยนั้น บริษัทฯ คาดการณ์ว่าในระหว่างปี 2558 จนถึงปี 2568 ธุรกิจท่องเที่ยวผ่านบริการออนไลน์จะเติบโตถึง 5 เท่า จากมูลค่า 3.9 พันล้าน เป็น 19.8 พันล้าน ซึ่งจากความสำเร็จที่เกิดขึ้น เนื่องจากบริษัทได้นำ Big Data มาใช้งานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพต่อธุรกิจ รวมถึงการบริหารงานรูปแบบอื่น ๆ ให้กับลูกค้า เช่นการท่องเที่ยวก่อนจ่าย ดูแลลูกค้ายามเกิดเหตุภัยพิบัติโดยการเตือนภัย เป็นต้น
ด้านนางสาวมนธ์สินี กีรติไกรนนท์ กรรมการผู้จัดการบริษัท Accenture Thailand จำกัด กล่าวว่า คำว่าอุตสาหกรรม 4.0 เริ่มต้นที่ประเทศเยอรมนี โดยการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ร่วมกับภาคอุตสาหกรรมเป็นผลทำให้เกิดข้อมูลจำนวนมหาศาลที่ได้รับจากอุปกรณ์ในโรงงานอุตสาหกรรมที่มีการนำ เซนเซอร์ไปติดตั้ง ซึ่งหากมีการนำข้อมูลเหล่านี้มาใช้เพื่อวิเคราะห์จะได้ข้อมูลในเชิงลึก ที่มีความละเอียดและแม่นยำถูกต้องสูง ซึ่งการมีข้อมูลในเชิงลึก ที่มีความถูกต้องและแม่นยำนั้น โดยอุปกรณ์เหล่านี้จะมีการเชื่อมต่อโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีดิจิทัลในการจัดเก็บข้อมูล ซึ่งการจัดเก็บข้อมูลจะสามารถช่วยธุรกิจในการนำไปใช้ในการสร้างและพัฒนาสินค้าและบริการใหม่ๆ