ธนาคารกลางเกาหลีใต้เปิดเผยในวันนี้ว่า ยอดเกินดุลบัญชีเดินสะพัดของเกาหลีใต้ในเดือนพ.ย.ปรับตัวลดลงหลังจากที่พุ่งทะยานแตะระดับสูงสุดในปีนี้เมื่อเดือนที่ผ่านมา ซึ่งตัวเลขที่ลดลงในเดือนพ.ย.เป็นผลจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น จนส่งผลให้ค่าใช้จ่ายด้านการนำเข้าสินค้าปรับตัวสูงขึ้นตามมา
ธนาคารกลางเกาหลีใต้ระบุว่า ตัวเลขเกินดุลบัญชีเดินสะพัดของเกาหลีใต้เดือนพ.ย.อยู่ที่ระดับ 1.75 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เมื่อเทียบกับตัวเลขเกินดุลบัญชีเดินสะพัดที่มีการทบทวนในเดือนต.ค.ที่ระดับ 2.46 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หลังจากที่ได้รายงานตัวเลขเกินดุลในเบื้องต้นในเดือนดังกล่าวที่ 2.56 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
สำนักข่าวธอมสัน ไฟแนนเชียลรายงานว่า ยอดดุลบัญชีเดินสะพัดถือเป็นตัวชี้วัดบรรยากาศการค้าที่สำคัญที่สุด ซึ่งครอบคลุมถึงยอดการนำเข้า-ส่งออกสินค้า การให้บริการและรายได้จากการลงทุนระหว่างประเทศ
หยาง แจ-รอง ผู้จัดการอาวุโสประจำฝ่ายงบดุลบัญชีการชำระเงินของธนาคารกลางเกาหลีใต้กล่าวว่า จากราคาน้ำมันที่พุ่งทะยานขึ้น ประกอบกับอุปสงค์สินค้าที่ขยายตัวขึ้นในช่วงฤดูหนาว เป็นเหตุผลที่ทำให้ยอดการนำเข้าโดยรวมปรับตัวสูงขึ้น
โดยในช่วง 11 เดือนแรกของปีนี้ ยอดเกินดุลบัญชีเดินสะพัดของเกาหลีใต้อยู่ที่ 7.02 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งสูงกว่าระดับที่ธนาคารกลางตั้งเป้าไว้ว่าตลอดทั้งปีจะมียอดเกินดุลอยู่ที่ 6.5 พันล้านดอลลาร์ โดยในปี 2549 เกาหลีใต้มียอดเกินดุลบัญชีเดินสะพัดพุ่งแตะที่ระดับ 6.09 พันล้านดอลลาร์
ขณะที่ในปีหน้า ธนาคารกลางคาดการณ์ว่า ตัวเลขดุลบัญชีแกว่งตัวอยู่ในภาวะขาดดุลที่ 3 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งนับเป็นตัวเลขขาดดุลบัญชีตั้งแต่ปี 2540 เนื่องจากมีแนวโน้มว่าราคาน้ำมันที่พุ่งสูงจะยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่มีอิทธิพลต่อตัวเลขดุลบัญชีเดินสะพัดโดยรวม ซึ่งเกาหลีใต้จำเป็นต้องพึ่งการนำเข้าน้ำมันดิบจากต่างประเทศเป็นจำนวนมาก
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย อรษา สงค์พูล/รัตนา โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--