นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เชื่อว่า หากมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในการประชุม 25-26 ก.ย.นี้จะไม่มีผลกระทบรุนแรงต่อตลาดโลก เนื่องจากเฟดได้มีการสื่อสารกับตลาดได้ดีในช่วงที่ผ่านมา
"จะเห็นว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลกระทบต่อตลาดเงินตลาดทุนโลกค่อนข้างน้อย เพราะเฟดมีการสื่อสารที่ดี จึงไม่คิดว่าจะมีผลกระทบที่รุนแรง เพราะตลาดมีการคาดการณ์ไว้ในระดับหนึ่งแล้ว"ผู้ว่าการ ธปท.กล่าว
สำหรับเรื่องของเงินทุนไหลเข้านั้น มองว่าไม่ได้ขึ้นกับปัจจัยในเรื่องของส่วนต่างดอกเบี้ยเท่านั้น แต่เป็นเพราะในระบบการเงินของโลกมีสภาพคล่องสูง จึงทำให้มีเงินทุนเคลื่อนย้ายเข้ามา เพราะเศรษฐกิจของไทยฟื้นตัวได้ดีต่อเนื่อง ประกอบกับเริ่มมีความชัดเจนทางการเมื่องในเรื่องของการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในปี 62
สำหรับกรณีที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ได้ระบุว่า ความจำเป็นการใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายมากจะลดน้อยลงเรื่อยๆ นั้น ผู้ว่าการ ธปท. ระบุว่า ไม่ได้หมายความว่าหากดอกเบี้ยจะเป็นขาขึ้นแล้วจะต้องขึ้นไปตลอด แต่ในการพิจารณาจะต้องขึ้นอยู่กับบริบทของสถานการณ์เศรษฐกิจในขณะนั้นๆ ด้วย
นายวิรไท กล่าวอีกว่า ธปท. มองว่าภาวะตลาดเงินตลาดทุนโลกในระยะข้างหน้ายังมีความผันผวนสูง เนื่องจากมีหลายปัจจัยต่างประเทศที่ตลาดอาจไม่ได้คาดคิดมาก่อน เช่น มาตรการกีดกันทางการค้าที่อาจจะมีออกมาเพิ่มเติม ปัญหาของประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่บางประเทศ ซึ่งอาจทำให้เงินทุนไหลเข้ามายังประเทศไทยแทน เนื่องจากไทยมีฐานะด้านต่างประเทศที่เข้มแข็งกว่า ซึ่งจะต้องไม่ลืมว่าไทยมีการเกินดุลบัญชีเดินสะพัดในระดับสูง โดยปีนี้คาดว่าจะเกินดุลบัญชีเดินสะพัดถึง 35,000 ล้านดอลลาร์ ถือเป็นเม็ดเงินก้อนสำคัญที่เข้ามาในระบบเศรษฐกิจไทยอย่างต่อเนื่อง
"ข้อดีคือเป็นกันชนทำให้สถานะด้านต่างประเทศของเราไม่อ่อนไหว เวลาที่อัตราดอกเบี้ยในตลาดโลกปรับสูงขึ้น หรือเวลาที่ความเสี่ยงในระบบการเงินโลกเพิ่มสูงขึ้น แต่อีกด้านต้องระวัง เพราะอาจทำให้มีความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนเร็วกว่าที่ควร ซึ่งเราก็ดูแลทั้งสองข้างในช่วงที่คิดว่ามีผลกระทบต่ออัตราแลกเปลี่ยนที่รุนแรง" ผู้ว่าธปท. ระบุ
แต่ทั้งนี้ จากกระแสเงินทุนไหลเข้าที่เข้ามาในช่วงนี้ยังไม่พบการไหลเข้ามาอย่างผิดปกติ หรือมีการเก็งกำไรแต่อย่างใด ซึ่งแตกต่างจากช่วงก่อนหน้านี้ที่ ธปท.ได้ออกมาตรการดูแลด้วยการปรับลดวงเงินการออกพันธบัตรระยะสั้นไปแล้ว
ผู้ว่าการ ธปท.ระบุว่า ปัจจัยที่มีบทบาทสำคัญกับปริมาณเงินที่ไหลเข้ามาในประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ คือ สภาพคล่องที่มีในระบบการเงินโลกมากกว่าเรื่องส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย ซึ่งในช่วงนี้อัตราดอกเบี้ยของไทยอยู่ในระดับค่อนข้างต่ำเมื่อเทียบกับประเทศรอบบ้านในอาเซียน หรือเอเชียตะวันออก
ทั้งนี้ เรื่องส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยเป็นหนึ่งในปัจจัยส่วนเล็กที่มีผลต่อการเคลื่อนย้ายเงินทุน เพราะขณะนี้ตลาดให้ความสำคัญกับความเสี่ยงในภาพใหญ่มากกว่า ทั้งนี้ไทยมีปัจจัยในประเทศที่สำคัญมากกว่า เช่น การฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่มีความชัดเจนมากขึ้น ทิศทางการเมืองในประเทศที่มีกำหนดการเลือกตั้งที่ชัดเจน ซึ่งปัจจัยเหล่านี้มีผลสำคัญต่อการตัดสินใจเคลื่อนย้ายเงินทุนเข้ามาในประเทศไทยมากกว่าเรื่องของอัตราดอกเบี้ย