นางจันทิรา ยิมเรวัต วิวัฒน์รัตน์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กล่าวถึงแนวโน้มการส่งออกของไทยในปี 61 โดยมั่นใจว่า มูลค่าการส่งออกจะขยายตัวได้ตามเป้าหมาย 8% แต่จากการหารือกับภาคเอกชน ส่วนใหญ่ประเมินว่าน่าจะโตถึง 9% ขณะที่สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ มองว่าจะโตได้ในระดับ 8-10% เพราะแต่ละตลาดมีความแตกต่างกัน
อย่างไรก็ตาม กระทรวงพาณิชย์จะประเมินสถานการณ์อีกครั้งในวันที่ 18 ต.ค.61 ซึ่งเป็นช่วงการประชุมทูตพาณิชย์ ที่มีนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน รวมถึงจะประเมินตัวเลขการส่งออกสำหรับปี 62 ด้วย
"เรื่องสงครามการค้า ทูตพาณิชย์ที่สหรัฐฯ รายงานว่าภาคเอกชนสหรัฐฯ เริ่มได้รับผลกระทบจากการนำเข้าสินค้าบางรายการจากจีน ที่รัฐบาลขึ้นภาษี เช่น เหล็ก อลูมิเนียม บางส่วนจึงหันมานำเข้าสินค้าจากประเทศอื่นแทน รวมถึงไทยด้วย ถือเป็นโอกาสดีของไทย แต่ก็ห่วงว่าหากเร็วๆ นี้ สหรัฐฯ ประกาศปรับขึ้นภาษีนำเข้ายานยนต์และชิ้นส่วนจากทั่วโลกอีก การส่งออกสินค้าดังกล่าวของไทยคงได้รับผลกระทบเช่นกัน และอาจกระทบต่อภาพรวมการส่งออกไทยปีหน้า เพราะยานยนต์และชิ้นส่วน มีสัดส่วนมากในการส่งออกทั้งหมดของไทย อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการไทยคงต้องเตรียมหาตลาดอื่นทดแทนด้วย" อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กล่าว
ทั้งนี้ กรมฯ ได้ประเมินแนวโน้มสินค้าและบริการที่จะเป็นแนวโน้มของโลกในปี 62 พบว่าตลาดสินค้าเฉพาะกลุ่ม (นิช มาร์เก็ต) จะขยายตัวเพิ่มขึ้น โดยสินค้าสำหรับกลุ่มผู้สูงอายุจะยังคงขยายตัวเพิ่มขึ้นเนื่องจากจำนวนผู้สูงอายุมากขึ้น ทำให้ตลาดสินค้าและบริการสำหรับผู้สูงอายุขยายตัวตามไปด้วย
ทั้งนี้ ผู้ประกอบการไทยจะต้องตามเทรนด์ให้ทัน โดยผลิตสินค้าและบริการเพื่อป้อนความต้องการของตลาด โดยกลุ่มผู้สูงอายุจะมีทั้งกลุ่มคนสูงอายุที่ฐานะดีและฐานะไม่ดี โดยกลุ่มผู้สูงอายุที่ฐานะดีจะสามารถเจาะตลาดได้โดยตรง ส่วนกลุ่มผู้สูงอายุที่ฐานะไม่ดีนั้น วิธีการเข้าสู่ตลาด จะต้องผ่านหน่วยงานที่ดูแลด้านสวัสดิการสังคม จึงจะทำให้เจาะตลาดได้ดีขึ้น
สำหรับสินค้าในกลุ่มอื่นๆ ที่จะต้องจับตา เช่น สินค้าสำหรับกลุ่มคนรวย (ซุปเปอร์ริช) มีอยู่ทุกประเทศ ทั้งประเทศพัฒนาแล้ว และด้อยพัฒนา ซึ่งวิธีการขายสินค้าจะต้องแตกต่างจากเดิม เพราะคนกลุ่มนี้ จะเน้นความรวดเร็ว ถ้าต้องการสินค้าจะต้องได้ทันที ผู้ประกอบการต้องปรับตามให้ทัน หรือกลุ่มสัตว์เลี้ยงที่มีแนวโน้มขยายตัว เพราะคนรักสัตว์มีมากขึ้น พร้อมที่จะซื้อสินค้าเพื่อสัตว์เลี้ยง ทั้งอาหารสัตว์ เครื่องประดับสัตว์ เสื้อผ้าสัตว์ เป็นต้น รวมถึงกลุ่มสิ่งแวดล้อม สินค้าออร์แกนิกจะมาแรง เพราะคนเริ่มให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม และรักสุขภาพกันมากขึ้น
สำหรับบริการที่มีแนวโน้มเติบโต เช่น บริการด้านสุขภาพ สปา ยังมีแนวโน้มเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง บริการด้าน Digital Content เช่น ภาพยนตร์ สารคดี เกมส์ ซึ่งปัจจุบันคนไทยมีศักยภาพมาก สามารถขยายตลาดไปยังต่างประเทศได้เพิ่มขึ้น และบริการด้านโลจิสติกส์ ที่จะขยายตัวตามการเติบโตของอี-คอมเมิร์ซ รวมไปถึงบริการจัดส่งอาหาร ที่เริ่มเติบโตมากขึ้น
นอกจากนี้ ยังมีแนวโน้มของสินค้าใหม่ๆ ที่จะต้องจับตา เพราะหากจับกระแสได้ทันและทำการตลาดได้รวดเร็ว ก็จะสร้างโอกาสส่งออกได้เพิ่มขึ้น เช่น ตลาดแมลง ที่ปัจจุบันเริ่มได้รับความนิยม มีทั้งแมลงทอด หรือแป้งโปรตีนจากแมลง, หัวปลี ที่ใช้แทนเนื้อสัตว์ และกัญชา ที่กำลังจะถูกพัฒนาให้เป็นสินค้าอื่นๆ เป็นต้น