นายวินเซนต์ หยาง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจดีเซ็นทรัล จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทอีคอมเมิร์ซที่เกิดจากความร่วมมือของ 2 ยักษ์ใหญ่ด้านธุรกิจค้าปลีก คือ เซ็นทรัลกรุ๊ป และ เจดีดอทคอมของจีน เปิดเผยว่า เจดีเซ็นทรัล เริ่มเปิดให้บริการตั้งแต่เดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา และได้รับการตอบรับอย่างดีจากลูกค้าชาวไทย แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของเจดีเซ็นทรัลในการเป็นผู้นำค้าปลีกออนไลน์สมัยใหม่ที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี โดยพร้อมจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการพร้อมมอบโปรโมชั่นให้กับลูกค้าในการช้อปที่หลากหลายในช่วงวันที่ 28-30 ก.ย. 61 และยังมีส่วนลดมากมายในแคมเปญ Super Brand Day ตั้งแต่วันที่ 1-20 ต.ค. 61 กับดีลพิเศษประจำวันในเว็บไซต์ JD.CO.TH
"เจดีเซ็นทรัลมีวิสัยทัศน์ในการมุ่งสู่การเป็นอันดับ 1 ในธุรกิจออนไลน์ และเป็นแบรนด์ที่น่าเชื่อถือที่สุดในประเทศไทย โดยมอบการประสบการณ์ช้อปปิ้งออนไลน์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าชาวไทย พร้อมนำเสนอสินค้าคุณภาพของแท้ 100% จากแบรนด์ชั้นนำของไทยและระดับโลกในราคาที่ดีที่สุด รวมไปถึงระบบการจัดการสินค้าและการจัดส่งระดับโลกที่มีประสิทธิภาพ รวดเร็ว และเชื่อถือได้ พร้อมกับการผสานธุรกิจจากออนไลน์ไปยังออฟไลน์อย่างยอดเยี่ยม"นายหยาง กล่าว
เจดีเซ็นทรัล ยังมีแผนที่จะเสริมการให้บริการลูกค้าและเพิ่มความไว้วางใจผ่านการพัฒนาศักยภาพระบบโลจิสติกส์ โดยเบื้องต้นจะเพิ่มจำนวนคลังสินค้าในประเทศไทยจากปัจจุบันที่มี 2 แห่ง ให้เป็น 5 แห่งภายในสิ้นปี 62 ทำให้บริษัทมีความสามารถจัดการสต็อกและรองรับคำสั่งซื้อสินค้าที่เจดีเซ็นทรัลเป็นผู้จำหน่ายเอง (Direct Sales) ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และจะพัฒนาให้การจัดส่งสินค้าแบบภายในวันเดียว (Same Day Delivery) ในพื้นที่กรุงเทพฯ ภายในสิ้นปี 61 โดยคาดว่าจะสามารถให้บริการจัดส่งสินค้าแบบภายในวันเดียวครอบคลุมทั่วพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล หรือคิดเป็นลูกค้ากว่า 25 ล้านคนได้ภายในปี 62
นอกจากนี้เจดีเซ็นทรัลยังมีแผนการนำเทคโนโลยีอีโลจิสติกส์ที่ทันสมัยมาใช้ในการจัดการคลังสินค้าและจัดส่งสินค้าอีกด้วย เช่น การใช้หุ่นยนต์อัจฉริยะจัดการคลังสินค้าอัตโนมัติ (Autonomous Warehouse Robots) ที่ช่วยทุ่นแรงมนุษย์และลดต้นทุนได้อย่างมาก สร้างประสิทธิภาพการทำงานเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว สามารถเพิ่มประโยชน์ใช้สอยพื้นที่ในคลังสินค้าได้ถึง 500% หรือยานยนต์ส่งสินค้าไร้คนขับ (Autonomous Delivery Vehicle) ที่ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อใช้ในสภาพแวดล้อมแบบเมืองที่มีแน่นสูง สามารถรับสินค้า ณ สถานีจัดส่ง และการเดินทางนำไปส่ง ณ จุดรับสินค้าที่กำหนดได้โดยอัตโนมัติ ซึ่งนวัตกรรมด้านอีโลจิสติกส์จากเจดีเซ็นทรัลที่ผสานเทคโนโลยี Big Data และ AI เข้าไว้ด้วยกัน โดยมีแผนการนำเทคโนโลยีดังกล่าวมาทดสอบใช้ในประเทศไทยผ่านโปรแกรมนำร่องในปี 62