ภาวะตลาดเงินบาท: เย็นนี้ 32.41/42 ระหว่างวันเคลื่อนไหวกรอบแคบใกล้เคียงช่วงเช้า หลังผลประชุมเฟดไม่เซอร์ไพรส์ตลาด

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday September 27, 2018 16:19 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า เงินบาทล่าสุดอยู่ที่ระดับ 32.41/42 บาท/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่เปิด ตลาดที่ระดับ 32.43 บาท/ดอลลาร์

การเคลื่อนไหวของเงินบาทระหว่างวันอยู่ในกรอบค่อนข้างแคบ ซึ่งมติของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของ ธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) ที่ปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมรอบนี้อีก 0.25% ก็เป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ และทำให้ ตลาดค่อนข้างมั่นใจมากขึ้นว่าการประชุมรอบถัดไปของ FOMC ในเดือนธ.ค.น่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งเป็นครั้งที่ 4 ของ ปี

"ตอนนี้บาทก็ยังทรงๆ ตัวใกล้เคียงกับที่เปิดเมื่อเช้า ผลประชุม FOMC ที่ออกมาก็ไม่ได้เซอร์ไพรส์อะไรตลาด และได้มี การชี้ให้เห็นตัวเลขเศรษฐกิจหลายตัวที่เริ่มปรับดีขึ้น ซึ่งเป็นตัวที่ช่วยสนับสนุนให้ FOMC ปรับขึ้นดอกเบี้ย" นักบริหารเงินระบุ

สำหรับแนวโน้มเงินบาทวันพรุ่งนี้ ยังไม่มีทั้งปัจจัยหนุนและปัจจัยกดดันที่สำคัญซึ่งจะมีผลต่อการเคลื่อนไหวของเงินบาทมาก นัก โดยนักบริหารเงิน คาดว่า พรุ่งนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 32.35-32.55 บาท/ดอลลาร์

THAI BAHT SPOT RATE FIXING อยู่ที่ระดับ 32.4250 บาท/ดอลลาร์

  • ปัจจัยสำคัญ
  • เงินเยนล่าสุดอยู่ที่ระดับ 112.71 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 112.82 เยน/ดอลลาร์
  • ส่วนเงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.1713 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.1740 ดอลลาร์/ยูโร
  • สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) รายงานเศรษฐกิจไทยเดือน ส.ค.61 ได้รับแรงขับเคลื่อนจากการใช้จ่ายภาค
เอกชนที่ขยายตัวได้ดี โดยเฉพาะจากการบริโภคสะท้อนจากการขยายตัวต่อเนื่องของปริมาณการจำหน่ายรถยนต์นั่ง และปริมาณรถ
จักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่ที่กลับมาขยายตัวเป็นบวกครั้งแรกในรอบ 7 เดือน ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคอยู่ที่ระดับ 70.2 ถือ
เป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 43 เดือน สำหรับเศรษฐกิจไทยด้านการผลิตยังคงขยายตัวได้ดีในภาคการเกษตรสะท้อนจากดัชนี
ผลผลิตสินค้าเกษตรที่ขยายตัวต่อเนื่อง ส่งผลให้รายได้เกษตรกรขยายตัวต่อเนื่องและเป็นฐานการขับเคลื่อนการบริโภคที่สำคัญ
  • สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ชี้การขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ มาอยู่ระดับ 2.00-
2.25% เป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ และคาดว่าในสิ้นปีนี้ เฟดจะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอีกครั้งหนึ่ง ขณะที่ทิศทางอัตรา
ดอกเบี้ยนโยบายของไทยที่อยู่ 1.50% เป็นเรื่องที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ต้องพิจารณาประเด็นเศรษฐกิจของไทย
เป็นหลัก พร้อมมองว่านักลงทุนที่สนใจลงทุนในไทยไม่ได้พิจารณาเรื่องอัตราดอกเบี้ยอย่างเดียว แต่จะพิจารณาเรื่องความมั่นคงทาง
เศรษฐกิจในอนาคตด้วย
  • สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาค ประจำเดือนก.ย.61 จาก
การประมวลผลข้อมูลการสำรวจภาวะเศรษฐกิจรายจังหวัดล่าสุดจากสำนักงานคลังจังหวัด 76 จังหวัดทั่วประเทศ สภาอุตสาหกรรม
แห่งประเทศไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจ (คาดการณ์6 เดือนข้างหน้า) อยู่ใน
เกณฑ์ที่ดีทุกภูมิภาคนำโดยภาคเหนือ ภาคตะวันออกและภาคตะวันตก โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากภาคจ้างงาน และภาคอุตสาหกรรม
เป็นสำคัญ
  • ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) มองว่า แนวโน้มขาขึ้นของค่าเงินดอลลาร์มีค่อนข้างจำกัด ท่ามกลางภาวะที่ดอกเบี้ย
สหรัฐฯ กำลังเข้าใกล้จุดสมดุลมากขึ้น ในทางกลับกัน มีโอกาสสูงขึ้นที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะเริ่มต้นปรับสมดุล
นโยบายการเงินก่อนสิ้นปีนี้ ส่วนปัจจัยชี้นำสำหรับกระแสเงินทุนเคลื่อนย้ายในระยะสั้น อยู่ที่การประเมินผลกระทบจากสงครามการค้า
ต่อเศรษฐกิจในกลุ่มตลาดเกิดใหม่ และทิศทางค่าเงินหยวนเป็นสำคัญ
  • ธนาคารกลางจีน ตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นไว้ที่ระดับเดิมในวันนี้ แม้ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
ประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.25% สู่ระดับ 2.00-2.25% ในการประชุมเมื่อวานนี้ก็ตาม โดยการตัดสินใจดังกล่าวของ
ธนาคารกลางจีน บ่งชี้ว่าธนาคารกลางจะยังไม่ปรับต้นทุนการกู้ยืมสำหรับเงินกู้อินเตอร์แบงก์ นอกจากนี้ ธนาคารกลางจีนยังเลือกที่จะ
ไม่ดำเนินนโยบายตามเฟด แม้ว่าการคงอัตราดอกเบี้ยมีความเสี่ยงที่จะสร้างแรงกดดันต่อค่าเงินหยวนก็ตาม
  • สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ ได้ผ่านร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ วงเงิน 8.54 แสนล้านดอลลาร์แล้ว ซึ่งทำให้สหรัฐไม่จำ
เป็นต้องปิดหน่วยงานรัฐบาลในช่วงเดือนต.ค.นี้ โดยกฎหมายดังกล่าว ได้รับการอนุมัติด้วยคะแนนเสียงส่วนใหญ่ 361 เสียง ต่อ 61
เสียง ภายหลังจากที่วุฒิสภาได้ผ่านกฎหมายดังกล่าวด้วยคะแนนเสียงส่วนใหญ่เช่นกัน 93 เสียง ต่อ 7 เสียง

พระราชบัญญัติดังกล่าว จะช่วยในเรื่องงบประมาณแก่กระทรวงกลาโหม แรงงาน สาธารณสุขและบริการด้านมนุษย์ และ การศึกษา ตลอดทั้งปีงบประมาณ 2562 รวมทั้งการให้การสนับสนุนด้านเงินแก่หน่วยงานอื่นๆของรัฐอีกเป็นเวลา 2 เดือน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ