นายชาญวิทย์ นาคบุรี รองผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) เปิดเผยว่า จะสามารถเปิดให้ประชาชนรายย่อยจองซื้อหน่วยลงทุนของกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย (TFFIF) ได้ตั้งแต่วันที่ 12-19 ต.ค.61 รวมระยะเวลาทั้งสิ้น 8 วัน จำนวนหน่วยลงทุนขั้นต่ำในการจองซื้อจะอยู่ที่ 1,000 หน่วย (10,000 บาท) และจะเพิ่มขึ้นครั้งละ 100 หน่วย โดยจะกำหนดราคาเสนอขายในวันที่ 19 ต.ค.นี้
ทั้งนี้ คาดว่าอัตราผลตอบแทนเงินปันส่วนปีแรก จะอยู่ที่ 4.75-5.30% ซึ่งอัตราผลตอบแทนในระดับดังกล่าวถือว่าเหมาะสมกับความมั่นคงและความเสี่ยงที่นักลงทุนได้รับ
"เราคาดว่า ก.ล.ต.จะสามารถอนุมัติได้ก่อนวันที่ 12 ต.ค. หลังจากนั้นจะเปิดให้ประชาชนรายย่อยจองซื้อได้ตั้งแต่วันที่ 12 ต.ค. มีระยะเวลาการจอง 8 วัน รวมเสาร์-อาทิตย์...เราให้นักลงทุนรายย่อยเป็นหลักก่อน นักลงทุนสถาบันรองลงมา ผลตอบแทนที่ 4.75-5.30% ซึ่งวันที่ 19 ต.ค.จะรู้ว่าเป็นตัวเลขไหนในช่วงนี้" นายชาญวิทย์กล่าว
โดยประชาชนที่สนใจสามารถมาติดต่อจองซื้อหน่วยลงทุนได้จากสาขาของถาบันการเงินที่เป็นตัวแทนจำหน่าย เช่น ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกรุงไทย ตลอดจน บลจ.เอ็มเอฟซี (MFC), บลจ.กรุงไทย (KTAM) (จองซื้อได้ที่สำนักงานใหญ่ กรุงเทพฯ), บล.ฟินันเซีย ไซรัส รวมถึง บล.ภัทร (จองซื้อเฉพาะลูกค้า)
รองผู้อำนวยการ สคร. กล่าวด้วยว่า สำหรับปีงบประมาณ 62 นี้ คงจะมีการเร่งรัดการลงทุนอย่างหนัก โดยเฉพาะในช่วง 3 เดือนสุดท้ายของปี 61นี้ (ไตรมาสแรกของปีงบ 62) เนื่องจากเป็นช่วงคาบเกี่ยวก่อนที่จะมีการจัดการเลือกตั้งในช่วงต้นปีหน้า
"ช่วงนี้เราจะทำงานหนัก ซึ่งเป็นช่วง 3 เดือนสุดท้ายของปี เพราะเป็นนโยบายที่ รมว.คลัง บอกว่าต้องดูแลด้านเศรษฐกิจในช่วงที่คาบเกี่ยวกับการเลือกตั้ง เพราะพอเลือกตั้งหรือเริ่มจัดตั้งรัฐบาล อาจทำให้กระบวนการ drop ลงไปบ้าง ดังนั้นในช่วงนี้เราต้องเร่งทุกอย่าง เพื่อรองรับการเติบโตต่อไป" นายชาญวิทย์ ระบุ