นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ในฐานะประธานกรรมการสภาสถาบันการเงินของรัฐ กล่าวว่า ในวันนี้สมาชิกของสภาสถาบันการเงินของรัฐทั้ง 9 แห่ง ได้ลงนามร่วมกับบมจ. ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก (PTTOR) และบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือเพื่อให้บริการธุรกรรมทางการเงินและส่งเสริมผลิตภัณฑ์ชุมชน ในสถานีบริการน้ำมัน PTT Station โดยมีนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธี
โดยสถาบันการเงินของรัฐ จะจัดให้บริการธุรกรรมทางการเงิน แบบ One Service ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างสถาบันการเงินของรัฐ และ PTTOR นอกจากนี้ยังได้ร่วมกันส่งเสริมผลิตภัณฑ์ชุมชน สนับสนุนการกระจายสินค้า ลดต้นทุนการบริหารจัดการ อำนวยความสะดวกให้กับประชาชน โดยให้ PTT Station เป็นจุดรับส่งสินค้าผลิตภัณฑ์ชุมชนที่ซื้อขายผ่านช่องทาง Platform e-Market ในระยะแรก และจะศึกษาหาแนวทางกระจายสินค้าต่อไปในอนาคต
"ความร่วมมือครั้งนี้นับเป็นจุดเริ่มต้นที่สถาบันการเงินของรัฐ ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและระบบการเงินของประเทศ ได้ร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐ ผนึกกำลังเพื่ออำนวยความสะดวกส่งมอบบริการที่ดีให้ประชาชน และส่งเสริมผู้ประกอบการ SME ซึ่งจะช่วยสร้างความเข้มแข็งในระบบเศรษฐกิจให้กับประเทศชาติได้อย่างยั่งยืน" นายฉัตรชัย กล่าว
สำหรับสถาบันการเงินของรัฐทั้ง 9 แห่ง ประกอบด้วย ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ธนาคารออมสิน ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม และบรรษัทตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัย ซึ่งมีสินทรัพย์รวมถึงกว่า 8.5 ล้านล้านบาท สินเชื่อคงค้างกว่า 7.1 ล้านล้านบาท และลูกค้ารวมกว่า 46.5 ล้านราย
ด้าน น.ส.จิราพร ขาวสวัสดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ PTTOR กล่าวว่า โครงการฯ ในครั้งนี้มีความสอดคล้องเป็นอย่างมากกับแนวคิด " Living Community " ซึ่ง PTTOR ได้ใช้เป็นกรอบการดำเนินธุรกิจสถานีบริการ PTT Station ที่เน้นการเป็นศูนย์กลางการใช้ชีวิตของชุมชน สร้างความผูกพัน ตอบสนองความต้องการที่แตกต่างของผู้บริโภคในแต่ละพื้นที่ และสร้างโอกาสทางธุรกิจให้ชุมชนมีความเข้มแข็ง โดยสนับสนุนให้ทุกคนมีส่วนร่วมในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของชุมชนให้ดีขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เราคนไทย เป็นสังคมเกษตรกรรม PTTOR จึงให้ความสำคัญกับการสนับสนุนสินค้าด้านเกษตรกรรมจากชุมชน เพื่อเป็นหนึ่งในพลังสนับสนุนการสร้างงานสร้างโอกาส ให้กับชุมชน สังคมไทย เพื่อการเติบโตไปด้วยกันอย่างยั่งยืน
นางสมร เทิดธรรมพิบูล กรรมการผู้จัดการใหญ่ ปณท กล่าวว่า ไปรษณีย์ไทยมีเครือข่ายที่ทำการไปรษณีย์กว่า 5,000 สาขา และมีระบบการขนส่งที่เข้าถึงและครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศ จึงมีความพร้อมในการนำสินค้าจากชุมชนมายังสถานีน้ำมันที่กำหนดเพื่อจำหน่ายให้กับผู้เดินทางและ/หรือชุมชนโดยรอบสถานีน้ำมันได้ตามนโยบายของรัฐบาล นอกจากนี้ยังสามารถซื้อสินค้าชุมชนผ่านทางเว็บไซต์ www.thailandpostmart.com ได้อีกช่องทางหนึ่ง
นายอภิรมย์ สุขประเสริฐ ผู้จัดการ ธ.ก.ส. กล่าวว่า ธ.ก.ส พร้อมนำผลิตภัณฑ์จากเกษตรกร สถาบันเกษตรกร ผู้ประกอบการ SMEs เกษตร และชุมชน มาจัดจำหน่าย ณ สถานีบริการน้ำมันปตท. รวมถึงใช้จุดดังกล่าวเป็นศูนย์กระจายสินค้าผลิตภัณฑ์ชุมชน ที่ซื้อขายผ่านช่องทาง Platform e-Market โดยสินค้าที่นำไปจำหน่ายจะมีทั้งสินค้าอุปโภคและบริโภค เช่น รังนกพร้อมดื่มสำเร็จรูป จมูกข้าวกล้องงอกชนิดผงสำหรับชงดื่ม แชมพูสระผมน้ำนมข้าว ครีมอาบน้ำน้ำนมข้าว ผลิตภัณฑ์ข้าว A-rice และผลิตภัณฑ์คุณภาพอื่นๆ จากชุมชนทั่วประเทศ รวมถึงการพิจารณาเปิดร้านค้า A-Shop หน่วยบริการหรือสาขา ธ.ก.ส.ในปั๊มน้ำมันตามความเหมาะสมของแต่ละพื้นที่ เพื่ออำนวยความสะดวกในการให้บริการธุรกรรมทางการเงินแบบ One Service แก่ประชาชน
การเปิดพื้นที่ดังกล่าวนอกจากเป็นช่องทางในการจำหน่ายสินค้าชุมชน ยังสามารถสร้างเป็นจุดทำโปรโมชั่นกระตุ้นยอดขายสินค้าชุมชนในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว และเทศกาลสำคัญ ๆ เช่น ปีใหม่ ซึ่งจะช่วยอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนรวมถึงนักท่องเที่ยว ได้เลือกซื้อสินค้าที่มีอัตลักษณ์เฉพาะท้องถิ่น และสินค้าจากผู้ผลิตโดยตรง อันเป็นการกระจายรายได้สู่ท้องถิ่นแล้ว ยังเป็นการสร้างโอกาสทางธุรกิจให้กับชุมชน ทั้งการผลิตสินค้า การสร้างงาน สร้างรายได้ และการกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากของประเทศให้เติบโตและเข้มแข็งในระยะยาว