นายวิกรม วัชระคุปต์ ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมเหล็ก สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวถึงกรณีจีนได้มีการปรับโครงสร้างการคืนภาษีสินค้าส่งออกสำหรับสินค้าจำนวน 397 รายการ โดยจากรายการทั้งหมดมีสินค้าที่เกี่ยวข้องกับสินค้าเหล็กจำนวน 85 รายการว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรเร่งกำหนดมาตรการป้องกันปัญหาการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรมเหล่านี้ให้หมดสิ้นไป หากประเทศใดไม่มีมาตรการป้องกันการค้าที่ไม่เป็นธรรมที่แข็งแรงพอก็จะมีความเสี่ยงสูงที่สินค้าจากจีนจะไหลทะลักเข้ามายังประเทศของตนได้ และสร้างความเสียหายอย่างร้ายแรงต่ออุตสาหกรรมผู้ผลิตในประเทศได้
ทั้งนี้ สถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย ได้แสดงความกังวลถึงปัญหาสินค้าเหล็กจากจีนไหลทะลักเข้ามายังภูมิภาคอาเซียนจะทวีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น หลังจากจีนได้มีการปรับโครงสร้างการคืนภาษีสินค้าส่งออกสำหรับสินค้าจำนวน 397 รายการ โดยจากรายการทั้งหมดมีสินค้าที่เกี่ยวข้องกับสินค้าเหล็กจำนวน 85 รายการ เช่น สินค้าเหล็กแผ่นรีดเย็นที่ความหนามากกว่า 3 มม.ที่มีค่า yield strength >355 นิวตัน/ตร.มม.ปรับเพิ่มอัตราการคืนภาษีจาก 9% เป็น 13% หรือเหล็กเคลือบสีที่มีความกว้างน้อยกว่า 600 มม.ปรับเพิ่มอัตราการคืนภาษีจาก 0 เป็น 9% หรือท่อเหล็กและท่อเหล็กหล่อบางส่วนได้เพิ่มอัตราการคืนภาษีจาก 9% เป็น 13%
นอกจากนี้ยังมีสินค้าสำเร็จรูปบางรายการมีการปรับเพิ่มการคืนภาษีส่งออกเช่นกัน เช่น สินค้ากลุ่มตะปูปรับเพิ่มการคืนภาษีเป็น 9% หรือสินค้ากลุ่มสิ่งก่อสร้าง เช่น สะพาน และส่วนของสะพาน หรืออุปกรณ์สำหรับนั่งร้าน เสาค้ำหรือสิ่งค้ำยันในการก่อสร้าง ปรับเพิ่มการคืนภาษีเป็น 13% ซึ่งการกระทำดังกล่าวถือเป็นการอุดหนุนการส่งออกที่ไม่เป็นธรรม และหากสินค้าดังกล่าวอาศัยการคืนภาษีส่งออกเพิ่มปริมาณมายังประเทศไทยก็อาจทำลายห่วงโซ่การผลิตสินค้านั้นในประเทศไทย โดยการปรับเพิ่มอัตราการคืนภาษีส่งออกดังกล่าว มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 15 ก.ย.เป็นต้นมา