นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยว่า ในวันนี้ได้มีการเชิญสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กลุ่มประชารัฐ D3 สมาคมผู้ค้าปลีกไทย ตลอดจนผู้ที่เกี่ยวข้องมาทำความเข้าใจร่วมกันต่อการทดลองเปิดโครงการคืนภาษีมูลค่าเพิ่มให้แก่นักท่องเที่ยวต่างชาติในเมือง ซึ่งมีกรณีที่บริษัท แวตรีฟันด์เซ็นเตอร์ (ไทยแลนด์) ไม่ผ่านคุณสมบัติในการคัดเลือกเป็นตัวแทนให้บริการดังกล่าว โดยผลการหารือพบว่ามีความเข้าใจตรงกันแล้ว ซึ่งทางบริษัทฯ ยอมรับว่ามีความเข้าใจผิดทางด้านเทคนิค และพร้อมจะยื่นอุทธรณ์ต่อกรมสรรพากรภายในเวลาที่กฎหมายกำหนด
ทั้งนี้ สำหรับข้อสรุปซึ่งเป็นที่เข้าใจตรงกันใน 3 ประเด็น คือ 1.กรมสรรพากร ได้ทำความเข้าใจว่าไม่เคยสัญญาหรือรับปากว่าจะให้เอกชนรายใดได้รับเป็นตัวแทนเพื่อขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มให้แก่นักท่องเที่ยวต่างชาติ ดังนั้นจึงไม่เคยมีการเซ็น MOU เกิดขึ้น เพราะเห็นว่าการเซ็น MOU อาจจะเป็นการกันประโยชน์ให้กับกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเพียงรายเดียว ซึ่งกรมฯ ได้หารือกับกลุ่มประชารัฐ D3 แล้วว่าต้องการเปิดให้เป็นโครงการทดลองก่อน โดยจะออกประกาศแบบเปิดกว้างเพื่อให้ทุกบริษัทสามารถเข้ามายื่นคุณสมบัติเพื่อร่วมทดสอบในระบบดังกล่าวได้ ซึ่งเป็นการดำเนินการอย่างโปร่งใส
"มันเป็นการทดลองแค่ 6 เดือน กรมสรรพากรไม่เคยไป commit กับใครว่าจะให้ใคร เพราะเราไม่สามารถจะ commit กับใครคนใดคนหนึ่งได้หรือกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งทั้งนั้น นี่เป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้เราต้องทำเป็นประกาศเปิดกว้าง หากใช้วิธีการเซ็น MOU ก็จะเป็นเหมือนการล็อคให้คนใดคนหนึ่ง แต่เราต้องการเปิดโอกาสให้เท่าเทียมกันทุกคน" นายเอกนิติกล่าว
2. เรื่องการกำหนดจุดให้บริการที่ระบุไว้แค่ 3 จุดต่อรายนั้น ได้มีการหารือร่วมกันก่อนที่จะออกประกาศแล้วว่าเนื่องจากเป็นช่วงของการทดลอง การกำหนดจุดให้บริการเพียง 3 จุดต่อราย จะทำให้สามารถควบคุมและติดตามประเมินผลการดำเนินงานได้ง่ายกว่า
3. กรณีที่มีความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนในเรื่องหลักเกณฑ์ที่ทางแวต รีฟันด์เซ็นเตอร์ฯ ยื่นเสนอเปิดจุดให้บริการคืนภาษีเกินจาก 3 จุดเป็น 5 จุด ทั้งที่ทราบดีว่าไม่ตรงกับเงื่อนไขในประกาศ โดยหวังว่ายื่นไปก่อนเพื่อจะให้กรมสรรพากรเป็นผู้แก้ไขเอกสารเพื่อปรับลดจำนวนจุดบริการเองนั้น กรมสรรพากรยืนยันว่าไม่มีอำนาจจะไปปรับแก้ไขเอกสารที่เอกชนยื่นเสนอมา 5 จุดให้เหลือ 3 จุดได้เองตามที่เอกชนเข้าใจ
"เรื่องนี้ต้องเป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมาย คนที่มายื่นแล้วไม่ผ่านคุณสมบัติ ก็มีสิทธิยื่นอุทธรณ์ ซึ่งกรมฯ จะต้องรับไปพิจารณาภายในเวลาที่กำหนดตามกฎหมาย ส่วนอีกรายที่ไม่ผ่านคุณสมบัติก็มีสิทธิมายื่นอุทธรณ์ได้เช่นกัน ซึ่งกรมฯ จะพิจารณาอย่างตรงไปตรงมา ถ้าอุทธรณ์ฟังขึ้นเราก็พิจารณาให้ แต่ถ้าไม่ได้ ก็ต้องรอไปอีก 6 เดือน" นายเอกนิติกล่าว
พร้อมยืนยันว่า การทดสอบโครงการคืนภาษีนักท่องเที่ยวต่างชาติดังกล่าวจะดำเนินการเพียงแค่ 6 เดือนตามที่เป็นไปในประกาศ ส่วนการที่เปิดจุดบริการ 3 จุด จะเพียงพอต่อการประเมินผลการดำเนินงานในการคืนภาษีได้อย่างมีประสิทธิภาพหรือไม่นั้น ต้องรอให้จบโครงการในช่วงเวลาทดลองก่อน อีกทั้งกรมฯ ไม่สามารถยืนยันหรือรับปากว่าจะมีการเปิดโครงการดังกล่าวในรูปแบบถาวร เพราะต้องรอให้มีการประเมินผล ก่อน หากดำเนินการแล้วออกมาเป็นที่พอใจก็อาจจะดำเนินการต่อเนื่อง
นายสาโรช ทองประคำ ผู้อำนวยการกองกฎหมาย กรมสรรพากร กล่าวว่า การยื่นอุทธรณ์ของผู้ประกอบการที่ไม่ผ่านคุณสมบัตินั้น ในเบื้องต้นกรมสรรพากรจะต้องขอดูประเด็นข้อโตแย้งก่อนว่ายื่นอุทธรณ์ประเด็นใด เมื่อทราบประเด็นแล้วจึงจะไปพิจารณาหลักการจากข้อกฎหมายเดิมที่ได้กำหนดไว้ ทั้งนี้มองว่า การให้เอกชนสามารถยื่นอุทธรณ์ได้นั้นเป็นการเปิดโอกาสให้กรมฯ ได้พิจารณาทบทวนด้วยว่ามีข้อผิดพลาดอะไรบ้าง
ทั้งนี้ ผู้ประกอบการที่ไม่ผ่านคุณสมบัติจะต้องยื่นอุทธรณ์เข้ามาที่กรมสรรพากรภายในเวลา 15 วันนับตั้งแต่วันที่ได้รับหนังสือแจ้งอย่างเป็นทางการจากกรมสรรพากรว่าไม่ผ่านคุณสมบัติ ซึ่งเมื่อเอกชนยื่นอุทธรณ์มาแล้ว กรมสรรพากรจะมีเวลาในการพิจารณาภายในระยะเวลาไม่เกิน 30 วัน หากการอุทธรณ์สามารถฟังขึ้นเอกชนก็สามารถดำเนินการในการเป็นตัวแทนให้บริการคืนภาษีแก่นักท่องเที่ยวต่างชาติได้
"ผู้ประกอบการมีสิทธิยื่นอุทธรณ์ภายใน 15 วันนับแต่วันที่ได้รับแจ้ง ซึ่งการพิจารณาอุทธรณ์กรณีเห็นด้วย หรือไม่เห็นด้วยนั้นต้องทำให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน ถ้ากรมฯ ไม่เห็นด้วยกับคำอุทธรณ์ ก็จะเสนอระดับกระทรวงให้พิจารณา ทุกอย่างมีกรอบเวลา" นายสาโรชระบุ
ด้านนายวรวุฒิ อุ่นใจ ประธานสมาคมค้าปลีกไทย กล่าวว่า ทางกลุ่มบริษัทแวต รีฟันด์เซ็นเตอร์ (ไทยแลนด์) ยืนยันว่าจะยื่นอุทธรณ์ต่อกรมสรรพากรเพื่อขอให้พิจารณาใหม่ แต่จะขอกลับไปหารือกับทางกลุ่มก่อนว่าจะยืนยันยื่นเปิดจุดให้บริการคืนภาษีเท่าเดิมที่ 5 จุด หรือจะปรับลดจุดบริการลงหรือไม่
อย่างไรก็ดี ยอมรับว่าเป็นความเข้าใจที่ผิดพลาดทางเทคนิคของทางกลุ่มบริษัท ซึ่งการที่ยื่นเสนอไป 5 จุดก่อนนั้น เพราะเข้าใจว่าทางกรมสรรพากรจะสามารถปรับลดจำนวนจุดให้บริการลงเองได้ แต่จากที่ได้หารือทำความเข้าใจกันในวันนี้แล้ว ได้รับการยืนยันว่ากรมสรรพากรไม่มีอำนาจดำเนินการแก้ไขข้อเสนอในเอกสารตามที่เอกชนยื่นมาได้
"เราคงยื่นให้พิจารณาใหม่อีกครั้ง เพราะเหตุที่เราถูกตีตก มันคือการกรอกจำนวนสถานที่เกินกว่าจำนวนที่สรรพากรระบุ เราคงจะมาพิจารณากันว่า เราจะยื่นเท่าเดิม หรือจะตัดจำนวนที่จะยื่นใหม่อีกที ซึ่งทางสมาคมค้าปลีก จะไปหารือกับผู้ประกอบการห้างสรรพสินค้าทั้งหมดที่อยู่ในกลุ่มบริษัทแวต รีฟันด์เซ็นเตอร์" นายวรวุฒิกล่าว