นักวิเคราะห์ของบริษัทโบรกเกอร์ในปากีสถานกล่าวว่า ภาวะเศรษฐกิจและตลาดหุ้นปากีสถานได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการลอบสังหารนางเบนาซีร์ บุตโต อดีตนายกรัฐมนตรีปากีสถาน โดยหลังจากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว ตลาดหุ้นและค่าเงินปากีสถานร่วงลงอย่างรุนแรง ขณะที่สถานการณ์ความไม่สงบส่งผลให้รถยนต์หลายร้อยคันได้รับความเสียหายและธนาคารพาณิชย์หลายแห่งถูกเผา ซึ่งหากคำนวณเฉพาะความเสียหายของรางรถไฟพบว่ามีอยู่สูงถึง 1.23 หมื่นล้านรูปี (201 ล้านดอลลาร์สหรัฐ)
เหตุการณ์จลาจลครั้งหลังสุดในปากีสถานส่งผลให้ประชาชนรู้สึกหวาดกลัวว่า ชีวิตของตนเองจะไม่ปลอดภัยหลังจากการเสียชีวิตของอดีตผู้นำอย่างนางบุตโต ผู้ซึ่งชาวปากีสถานยกย่องว่าเป็นวีรสตรีของประชาชน
"พวกเขาคร่าชีวิตบุคคลที่สามารถนำการเปลี่ยนแปลงมาสู่ปากีสถาน บุคคลผู้ซึ่งเป็นกระบอกเสียงของคนยากจนมาโดยตลอด" ชาวปากีสถานคนหนึ่งกล่าวกับผู้สื่อข่าวของเอพี
ก่อนหน้านี้ ปากีสถานในฐานะประเทศพันธมิตรที่สำคัญของสหรัฐ ได้รับความช่วยเหลือและเม็ดเงินลงทุนมาโดยตลอด ซึ่งช่วยให้เศรษฐกิจปากีสถานเติบโตขึ้นและมีแนวโน้มที่จะขยายตัวขึ้น 7% ในช่วงกลางปีพ.ศ.2551 ขณะที่ตลาดหุ้นการาจีทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยมีบริษัทเอกชนเข้าจดทะเบียนซื้อขายกันอย่างคับคั่ง
แต่ตลาดหุ้นปากีสถานดิ่งลงเมื่อวันจันทร์และวันอังคารที่ผ่านมา หลังจากการลอบสังหารนางบุตโต ซึ่งนายมูฮัมหมัด โซเฮล นักวิเคราะห์จากบริษัทเจเอส โกลบอลในปากีสถานคาดการณ์ว่า ตลาดหุ้นปากีสถานจะร่วงลงอีกในระยะยาว เนื่องจากนักลงทุนส่วนใหญ่หวาดกลัวต่อสถานการณ์ภายในประเทศ
"ถ้าหากพรรคการเมืองใหญ่ในปากีสถานร่วมมือกันคลี่คลายสถานการณ์และสามารถจัดการเลือกตั้งได้ภายใน 2-3 สัปดาห์ข้างหน้า เหตุจลาจลก็อาจจะสงบลงและเศรษฐกิจก็อาจจะฟื้นตัวขึ้น แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงในขณะนี้ก็คือประชาชนกว่า 165 ล้านในปากีสถานยังคงยากจนและมีรายได้ไม่ถึง 1 ดอลลาร์ต่อวัน" นายโซเฮลกล่าว
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช/สุนิตา โทร.0-2253-5050 ต่อ 315 อีเมล์: sunita@infoquest.co.th--