น.ส.สมจิณณ์ พิลึก ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(กนอ.) เปิดเผยว่า กนอ.ได้จัดกิจกรรมสัมมนารับฟังความคิดเห็นจากภาคเอกชน (Market Sounding) ครั้งที่ 3 โครงการพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ระยะที่ 3 ซึ่งเป็นการเปิดให้ภาคเอกชนเข้าร่วมแลกเปลี่ยนข้อมูลครั้งสุดท้าย พร้อมรับฟังรายละเอียดความก้าวหน้าผลการศึกษาโครงการต่างๆ โดยคาดว่าจะออกหนังสือชี้ชวนเอกชนทั้งในและต่างชาติที่สนใจเข้าร่วมลงทุนได้ภายในเดือนตุลาคม ปี 2561 และกำหนดให้เอกชนที่สนใจยื่นข้อเสนอได้ภายในเดือนมกราคม 2562 และคาดว่าจะสามารถได้เอกชนที่ผ่านการคัดเลือกในเดือนกุมภาพันธ์ 2562 และโครงการฯ จะสามารถพร้อมเปิดดำเนินการได้ในต้นปี 2568
"การสัมมนาการรับฟังความคิดเห็น (Market Sounding) ครั้งนี้มีผู้เข้าร่วมสัมมนาประมาณ 100 คนและได้รับความสนใจจากหน่วยงานของภาคเอกชนมาอย่างต่อเนื่องเราจึงมั่นใจว่าการดำเนินงานตามขั้นตอนต่างๆ จะเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้" ผู้ว่าการ กนอ.กล่าว
ทั้งนี้ โครงการพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ระยะที่ 3 ถือเป็นหนึ่งในโครงการของ EEC Project List ที่รัฐบาลให้ความสำคัญ และกำหนดให้เป็นโครงการเร่งด่วนในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) มีเป้าหมายในการพัฒนาท่าเทียบเรือเพื่อขนถ่ายสินค้าเหลวและก๊าซธรรมชาติ ซึ่งจะมีบทบาทสำคัญในการนำเข้าพลังงาน มีพื้นที่รวมทั้งโครงการราว 1,000 ไร่ แบ่งการพัฒนาโครงการเป็น 2 ช่วง คือ ช่วงที่ 1 การลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ได้แก่ งานขุดลอกและถมทะเล งานระบบสาธารณูปโภค งานอุปกรณ์เดินเรือ และการพัฒนาท่าเรือก๊าซบนพื้นที่ 200 ไร่ ช่วงที่ 2 การลงทุนก่อสร้างท่าเทียบเรือ ติดตั้งอุปกรณ์ และการบริหารจัดการท่าเรือของเหลวบนพื้นที่ 200 ไร่ และพื้นที่ 150 ไร่ สำหรับธุรกิจต่อเนื่องอื่นๆ เมื่อแล้วเสร็จจะรองรับสินค้ากลุ่มน้ำมัน, ก๊าซธรรมชาติเหลว และสินค้าเหลว คาดว่าจะสามารถขนถ่ายผ่านท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ระยะที่ 3 ได้รวมประมาณ 15 ล้านตันต่อปีในอีก 30 ปีข้างหน้า
ก่อนหน้านี้ กนอ.ได้เปิดรับฟังความคิดเห็นจากภาคเอกชนไปแล้ว จำนวน 2 ครั้ง เมื่อวันที่ 20 เมษายน 2561 และวันที่ 20 กรกฎาคม 2561 ที่ผ่านมา พบว่ากลุ่มธุรกิจเอกชนที่ให้ความสนใจโครงการ ได้แก่ กลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจพลังงานและอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่อง กลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจท่าเรือของเหลว กลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจสายการเดินเรือของเหลว กลุ่มผู้ประกอบการรับเหมาก่อสร้าง สถาบันการเงิน รวมทั้งหน่วยงานภาครัฐได้ให้ความสนใจเข้าร่วมกิจกรรม