กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) เผยมุมมองต่อทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ว่า เงินบาทสัปดาห์นี้มีแนวโน้มซื้อขายในกรอบ 32.60-33.00 บาท/ดอลลาร์ หลังเงินบาททดสอบระดับแข็งค่าสุดในรอบกว่า 3 เดือนก่อนจะพลิกกลับมาอ่อนค่าอย่างรวดเร็ว ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯทะยานขึ้น โดยนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้นไทย 1.1 หมื่นล้านบาท แต่ซื้อพันธบัตร 1.6 หมื่นล้านบาท ขณะที่เส้นอัตราผลตอบแทนพันธบัตรไทยปรับตัวชันขึ้นตามสหรัฐฯ
กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ฯ มองว่า ตลาดจะให้ความสนใจกับข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐฯ หลังค่าจ้างเดือนกันยายนเติบโตตามคาดและอัตราการว่างงานลดลงมาที่ 3.7% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 49 ปี แม้จำนวนตำแหน่งการจ้างงานจะเพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาดก็ตาม ทั้งนี้ สินทรัพย์ตลาดเกิดใหม่เผชิญแรงกดดันหลังอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ช่วงอายุ 10 ปีวิ่งขึ้นแตะ 3.23% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 7 ปี นอกจากนี้ นักลงทุนจะจับตาสถานการณ์ความตึงเครียดในตลาดพันธบัตรอิตาลีซึ่งจำกัดการฟื้นตัวของค่าเงินยูโร ในภาพรวมการเคลื่อนไหวของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ และค่าเงินหยวนจะส่งผลต่อทิศทางกระแสเงินทุนเคลื่อนย้ายในระยะนี้
สำหรับปัจจัยภายในประเทศ ธปท.ชี้แจงแนวทางเตรียมปรับหลักเกณฑ์การกำกับดูแลสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยเพื่อลดความเสี่ยงของระบบการเงินและป้องกันการเก็งกำไรในตลาดอสังหาริมทรัพย์ สอดคล้องกับข้อความในรายงานการประชุมรอบล่าสุดของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ซึ่งระบุถึงสัญญาณความเปราะบางในภาคอสังหาริมทรัพย์ ตอกย้ำว่าทางการให้น้ำหนักไปที่การป้องกันความเสี่ยงด้านเสถียรภาพ แม้ว่าอัตราเงินเฟ้อของไทยยังต่ำแต่ส่วนหนึ่งแรงกดดันด้านเงินเฟ้อที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตเป็นผลของปัจจัยเชิงโครงสร้าง ขณะที่การตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับต่ำมากเป็นระยะเวลานานเกินไปอาจสั่นคลอนเสถียรภาพในระยะยาว สนับสนุนมุมมองของกรุงศรีที่ว่า กนง.มีแนวโน้มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายก่อนสิ้นปีนี้ โดยจะมีลักษณะการปรับสมดุลนโยบายอย่างค่อยเป็นค่อยไปเพื่อลดความเสี่ยงด้านเสถียรภาพซึ่งเริ่มสะสมความเปราะบางมากขึ้น