นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายเศรษฐกิจ เปิดเผยว่า การเดินทางมาตรวจเยี่ยมและมอบนโยบายให้กับ บมจ.ปตท. (PTT) ในวันนี้ ได้ร่วมกันหารือถึงแนวทางการดูแลเรื่องความมั่นคงด้านพลังงาน และการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยผ่านโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐในช่วงที่ราคาน้ำมันมีแนวโน้มขยับตัวสูงขึ้น โดยวางกรอบการศึกษาในเรื่องความช่วยเหลือดังกล่าวภายใน 3 เดือน
"แนวโน้มราคาน้ำมันเริ่มขยับขึ้น ก็ได้ให้นโยบาย ปตท.ให้ช่วยกันดูแลความมั่นคงด้านพลังงาน และผู้มีรายได้น้อย อย่าให้ได้รับผลกระทบจากต้นทุนพลังงานที่สูงขึ้น แม้จะยังไม่มีสัญญาณอันตราย ต้องดูว่าถ้าราคาน้ำมันขนาดนี้แล้วจะเป็นอย่างไร ถ้าเกินกว่านี้จะเป็นอย่างไร...ให้ดูว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่กระทรวงพลังงานหรือ ปตท.จะมีความร่วมมือกับกองทุนประชารัฐ ทำให้ราคาน้ำมันที่สูงขึ้นไปจะทำให้เขาสามารถซื้อน้ำมันหรือของจำเป็น ณ ราคาต่ำกว่าปกติได้หรือไม่ เรามองไปที่กลุ่มแท็กซี่และมอเตอร์ไซค์ ที่เป็นบุคคลที่จดทะเบียนกับรัฐ"นายสมคิด กล่าว
นายสมคิด กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ยังได้หารือถึงการส่งเสริมนโยบายเศรษฐกิจชีวภาพ (Bioeconomy) เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าเกษตรที่เผชิญกับปัญหาราคาพืชผลทางการเกษตรตกต่ำ ซึ่ง ปตท.จะสามารถร่วมมือกับกระทรวงอุตสาหกรรมเพื่อสร้างคัสเตอร์กลุ่มเศรษฐกิจชีวภาพขึ้นมา รวมถึงยังได้หารือเรื่องการให้สถานีบริการน้ำมันของกลุ่มปตท.เป็นศูนย์กลางซื้อขายสินค้าเกษตร โดยผ่านการใช้ IoT เชื่อมโยงระหว่างผู้ขาย, ซัพพลายเออร์, เกษตรกร และผู้บริโภค โดยมีธนาคารกรุงไทย (KTB) และธนาคารออมสิน ซึ่งมีฐานลูกค้าทั้งหมดทั่วประเทศ ซึ่งจะทำให้ได้ข้อมูลความต้องการและซัพพลายสินค้า และนับเป็นหลักการที่ชัดเจนของเกษตรประชารัฐ เพื่อสร้างความหลากหลายของตลาด
นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รมว.พลังงาน กล่าวว่า กระทรวงพลังงานจะร่วมมือกับผู้ประกอบการน้ำมัน เพื่อศึกษาแนวทางการลดผลกระทบต่อราคาน้ำมันที่มีแนวโน้มสูงขึ้น โดยเบื้องต้นจะให้กลุ่มรถจักรยานยนต์รับจ้างใช้ราคาน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 ในราคาต่ำกว่าปกติทั่วไปราว 3 บาท/ลิตร ซึ่งเงินอุดหนุนจะมาจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง และจากผู้ประกอบการน้ำมัน ซึ่งคาดว่าการศึกษาและดำเนินการแล้วเสร็จภายในเดือน ธ.ค.นี้
ปัจจุบันมีรถจักรยานยนต์รับจ้างที่ลงทะเบียนกับกรมขนส่งทางบกในเขตกรุงเทพมหานคร จำนวน 1 แสนคัน และต่างจังหวัดกว่า 1.5 แสนคัน รวมกันประมาณ 2-3 แสนคัน ซึ่งจะเป็นกลุ่มที่ได้รับความช่วยเหลือก่อน หลังจากนี้อาจจะช่วยเหลือในกลุ่มรถจักรยานยนต์ที่เป็นผู้มีรายได้น้อยในภาพรวมต่อไป
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันกระทรวงพลังงานมีมาตรการที่ดูแลราคาก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ (NGV) ซึ่ง ปตท.ช่วยเหลือรถโดยสารสาธารณะให้ใช้ NGV ที่ระดับ 10.50 บาท/กิโลกรัม (กก.) ต่ำกว่าราคาปกติ ซึ่งใช้เงินอุดหนุนราวปีละ 2.5 พันล้านบาท โดยได้ดำเนินการมาแล้วเป็นปีที่ 5 และจะยังคงต่อเนื่องไปอีก ขณะที่ในส่วนของราคาก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) สำหรับแม่ค้าหาบเร่ แผงลอย รัฐบาลก็ยังคงดูแลผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐให้ใช้ได้เป็นเงิน 45 บาทต่อ 3 เดือน เพื่อช่วยเหลือค่าครองชีพ ซึ่งจะดำเนินการจนถึงกลางปี 62 ส่วนราคา LPG ภาคครัวเรือนก็ใช้เงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง เข้าไปอุดหนุนให้ราคา LPG ไม่เกิน 363 บาท/ถัง 15 กก.
ด้านนายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจปิโตรเลียมขั้นปลาย PTT เปิดเผยว่า โครงการความช่วยเหลือประชาชนเพื่อบรรเทาผลกระทบจากราคาน้ำมันที่มีแนวโน้มขยับตัวสูงขึ้นนั้น เบื้องต้นแบ่งเป็น 2 โครงการ โดยโครงการแรก กระทรวงพลังงานได้ประสานกับกลุ่มผู้ค้าน้ำมันมาตรา 7 เพื่อให้ลดราคาน้ำมันให้กับกลุ่มรถจักรยานยนต์รับจ้าง ในอัตรา 3 บาท/ลิตร โดยใช้เงินกองทุนน้ำมันฯ เข้ามาอุดหนุน 2 บาท/ลิตร และผู้ค้าน้ำมันมาตรา 7 อุดหนุนอีก 1 บาท/ลิตร ซึ่งในส่วนนี้ ปตท. ยืนยันว่าพร้อมที่จะเป็นผู้นำเข้าร่วมโครงการดังกล่าว ซึ่งจะต้องหารือในรายละเอียดกับกระทรวงพลังงานต่อไป
ส่วนโครงการที่สอง เป็นแนวทางที่นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ได้ให้แนวทางในวันนี้ โดยให้ช่วยลดราคาน้ำมันให้กับกลุ่มผู้มีรายได้น้อย หากราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นกว่าปัจจุบัน โดยผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ซึ่งจะต้องมีการหารือรายละเอียดร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป ซึ่งคาดว่าผลการศึกษาจะแล้วเสร็จใน 3 เดือน
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ ปตท.ได้ให้ความร่วมในการดูแลเพื่อบรรเทาผลกระทบต่อผู้มีรายได้น้อย ทั้งในส่วนของการตรึงราคา NGV ให้กับกลุ่มรถสาธารณะถึงกลางปี 62 และการอุดหนุนราคา LPG สำหรับกลุ่มแม่ค้าหาบเร่ แผงลอย เป็นต้น