นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดวันนี้ที่ระดับ 32.77 บาท/ดอลลาร์ จากตอนเช้า ที่เปิดตลาดที่ระดับ 33.02 บาท/ดอลลาร์ ระหว่างวันเคลื่อนไหวระหว่าง 32.73-33.04 บาท/ดอลลาร์
"ระหว่างผันผวนเยอะมาก ในภูมิภาคมีแค่ดอลลาร์สิงคโปร์และเงินบาทที่แข็งค่า ของเราน่าจะมาจากปัจจัยภายในโดย เฉพาะหลังมีข่าวด้านพลังงาน ที่คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ไม่อนุมัติให้ GPSC การเข้าซื้อกิจการ GLOW ทำให้เงิน บาทกลับมาแข็งค่าอย่างรวดเร็ว เนื่องจากตลาดมองว่าเป็นดีลใหญ่ถ้ามีการเข้าซื้อน่าจะมีการโยกย้ายเงินจำนวนมาก" นักบริหาร เงิน กล่าว
สำหรับทิศทางวันพรุ่งนี้ยังต้องรอดูตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภคของสหรัฐฯ (CPI) เดือนก.ย.วันนี้ก่อน เบื้องต้นประเมิน กรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทระหว่าง 32.70-32.85 บาท/ดอลลาร์
*ปัจจัยสำคัญ
- เงินเยนอยู่ที่ระดับ 112.20 เยน/ดอลลาร์ จากตอนเช้าที่อยู่ที่ระดับ 112.13 เยน/ดอลลาร์
- เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.1559 ดอลลาร์/ยูโร จากตอนเช้าที่อยู่ที่ระดับ 1.1538 ดอลลาร์/ยูโร
- ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,682.89 จุด ลดลง 38.93 จุด, -2.26% มูลค่าการซื้อขาย 82,888.83 ล้านบาท
- สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติขายสุทธิ 10,551.27 ลบ.(SET+MAI)
- โฆษกสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) มองว่า การเคลื่อนย้ายเงินทุนในปี 62 มีแนวโน้มที่จะมีความผันผวน
มากกว่าในปีนี้ สืบเนื่องจากธนาคารกลางของหลายประเทศทยอยกลับเข้าสู่การใช้นโยบายการเงินในระดับปกติ ทิศทางอัตราดอกเบี้ย
ปรับเข้าสู่ขาขึ้น ส่งผลให้เงินทุนไหลออกจากกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่
- สำหรับกรณีมีข้อกังวลในสื่อโซเชียลต่อยอดหนี้สาธารณะของไทยที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดหนี้สาธารณะคงค้าง
เดือน ส.ค.61 อยู่ที่ 6.67 ล้านล้านบาท คิดเป็น 41.32% ต่อจีดีพี ซึ่งในส่วนนี้เป็นหนี้ของรัฐบาลสูงถึง 5.36 ล้านล้านบาทนั้น
โฆษกสบน. ยืนยันว่า การบริหารหนี้สาธารณะยังอยู่ภายใต้กรอบวินัยการเงินการคลัง ซึ่งยังคงไม่เกิน 60% ต่อจีดีพี ซึ่งแม้หนี้
สาธารณะจะมีจำนวนเพิ่มสูงขึ้น แต่ไม่ได้มีความน่าเป็นห่วงต่อระบบเศรษฐกิจ
- กรรมการผู้จัดการ สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) กล่าวว่า แนวโน้มของกระแสเงินทุนยังคงเห็นการไหล
เข้าในตลาดตราสารหนี้ไทยอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในตราสารระยะยาว ซึ่งกระแสเงินทุนที่ไหลเข้ามาเป็นการไหลออกมาจาก
ตลาดเกิดใหม่ในภูมิภาคแล้วเข้ามาในไทยแทน เนื่องจากนักลงทุนมีความมั่นใจในเศรษฐกิจไทยที่ยังเห็นการเติบโตขึ้น มีทุนสำรอง
ระหว่างประเทศที่แข็งแกร่ง ดุลการค้าและดุลบัญชีเดินสะพัดที่เกินดุล และมีสัดส่วนหนี้ต่างประเทศที่ต่ำไม่ถึง 2% รวมไปถึงเงินเฟ้อยัง
อยู่ไนระดับต่ำ
- สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย คาดมูลค่าการออกและเสนอขายหุ้นกู้ของภาคเอกชนในสิ้นปีนี้จะอยู่ที่ 8.8 แสนล้านบาท
สูงกว่าประมาณการที่ 7.5 แสนล้านบาท หลังจาก 9 เดือนแรกของปีนี้ภาคเอกชนออกและเสนอขายหุ้นกู้ไปแล้วถึง 8.1 แสนล้าน
บาท โดยเฉพาะบริษัทเอกชนรายใหญ่หันมาออกหุ้นกู้มากขึ้นเพื่อรองรับการลงทุนในอนาคต
- ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ระบุว่า ดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET Index) วันนี้ ปรับ
ลง 38.93 จุด หรือ 2.26% อยู่ที่ระดับ 1,682.89 จุด การปรับตัวลดลงเป็นไปตามทิศทางตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ รวมถึงตลาดหลัก
ทรัพย์ในภูมิภาคเอเชียวันนี้ จากความกังวลในต่างประเทศ เกี่ยวกับค่าเงินเฟ้อและอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล รวมถึงการปรับ
ตัวลงของตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ
- ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) เปิดเผยว่า ปีงบประมาณ 2561 (เดือนตุลาคม
2560 – เดือนกันยายน 2561) สคร.สามารถจัดเก็บเงินนำส่งรายได้แผ่นดินจากรัฐวิสาหกิจและกิจการที่กระทรวงการคลังถือหุ้นได้
จำนวน 157,041 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายการจัดเก็บรายได้แผ่นดิน จำนวน 20,041 ล้านบาท หรือคิดเป็น 15% ของเป้า
หมาย ที่ตั้งไว้ 137,000 ล้านบาท
- ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) เปิดเผยในวันนี้ว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ของญี่ปุ่นปรับตัวขึ้น 3.0% ในเดือนก.ย.
เมื่อเทียบเป็นรายปี เนื่องจากต้นทุนน้ำมันดิบที่สูงขึ้นส่งผลให้ราคาสินค้าประเภทต่างๆปรับตัวขึ้นเป็นวงกว้าง โดยดัชนี PPI ได้ปรับตัว
สูงขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 21 และขยายตัวในระดับเดียวกันเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน
- รัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐ ได้แสดงความเห็นว่า การร่วงลงอย่างหนักของตลาดหุ้นนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ เป็นเพียง
การพักฐาน และไม่ได้สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาเชิงระบบแต่อย่างใด