สมาคมค้าทองคำ รายงานว่า ราคาทอง (ทองคำ 96.5%) ในประเทศเช้านี้ เมื่อเวลา 09.57 น.ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากวานนี้บาทละ 200 โดยราคาทองคำแท่ง รับซื้อเข้าบาทละ 18,800.00 ขายออกบาทละ 18,900.00 ส่วนราคาทองรูปพรรณ รับซื้อเข้าบาทละ 18,464.88 ขายออกบาทละ 19,400.00
บทวิเคราะห์ บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ ฟิวเจอร์ จำกัด ระบุว่า ราคาทองคำปรับสูงขึ้นอย่างรวดเร็วหลังราคาขึ้นทะลุแนวต้านสำคัญที่ 1,210 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์ ซึ่งเป็นแนวต้านสำคัญของทองคำมาโดยตลอดระยะเวลา 2 เดือนเต็ม ทำให้มีแรงซื้อกลับอย่างหนาแน่น โดยราคาทองคำปรับขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ 1,227 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์ และปิดตลาด Spot ที่บริเวณ 1,220 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์ ขณะที่ตลาด Comex ปิดที่บริเวณ 1,223 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์
โดยแรงซื้อที่กลับเข้ามาในตลาดทองคำเกิดจากภาวะที่ดัชนีดาวโจนส์ในตลาดหุ้นสหรัฐฯปรับตัวลดลงเมื่อวานซืนกว่า 800 จุด และเมื่อวานนี้อีก 500 จุด ทำให้นักลงทุนกลับมาซื้อ Safe-haven อย่างทองคำมากขึ้น ภาวะสำคัญอีกอย่างคือการที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯออกมาตำหนิการดำเนินโยบายของเฟดเกี่ยวกับการขึ้นดอกเบี้ยว่าเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง
ขณะที่ค่าเงินบาทมีความผันผวนค่อนข้างมาก หลังจากที่กระทรวงพลังงานไม่อนุมัติให้บริษัทในเครือ บมจ.ปตท. เข้าซื้อหุ้น บมจ.โกลว์พลังงาน (GLOW) ทำให้ค่าเงินบาทแกว่งตัวอย่างมากจากระดับ 33.00 บาท/ดอลลาร์ หลุดลงมาประมาณ 25 สตางค์ ปิดที่ระดับ 32.80 บาท/ดอลลาร์ และปรับตัวลดลงต่อเนื่องในตอนกลางคืน จากการคาดหมายว่า Flow เงินที่เข้ามาจะมีการ Unwind ออกไป ขณะที่ค่าเงินประเทศอื่นๆในภูมิภาคไม่ได้มีการแกว่งตัวมากนัก
ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯเมื่อวานนี้ ภาพรวมอยู่ในเกณฑ์ทรงตัวหรือปรับลดลงบ้าง ได้แก่ Unemployment Claims ที่เพิ่มมากขึ้นสู่ระดับ 2.14 แสนตำแหน่งและดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ที่ประกาศออกมาแย่ลงกว่าคาดที่ระดับ 0.1% ขณะที่ กองทุน SPDR เมื่อวานนี้ไม่ได้ทำอะไรเพิ่มเติม โดยปัจจุบันถือครองทองคำที่ระดับ 738.99 ตัน