นายอดุลย์ โชตินิสากรณ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 22 ส.ค.61 กรมฯ ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน (ทตอ.) ได้เปิดไต่สวนท่อเหล็กนำเข้าจากประเทศเวียดนาม หลังมีผู้ผลิตท่อเหล็กของไทยได้ยื่นเรื่องร้องเรียนเข้ามายังกรมฯ ว่าท่อเหล็กที่นำเข้าจากเวียดนามมีการทุ่มตลาด โดยจำหน่ายสินค้าในไทยถูกกว่าที่จำหน่ายในเวียดนาม ดังนั้นจึงขอให้เปิดไต่สวนเพื่อพิจารณามาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด (Anti-dumping Measure:AD)
"ขั้นตอนการเปิดไต่สวนจะใช้ระยะเวลา 1 ปี ในการตรวจสอบหาข้อมูลว่ามีการทุ่มตลาดหรือการอุดหนุนตามที่ผู้ผลิตไทยร้องเรียนจริงหรือไม่ ซึ่งหากภายใน 1 ปีนับจากวันเปิดไต่สวนแล้วยังดำเนินการไม่เสร็จสามารถขยายระยะเวลาออกไปอีก 6 เดือนได้ ซึ่งหากพิจารณาแล้วพบว่ามีการทุ่มตลาดจนทำให้อุตสาหกรรมภายในของไทยได้รับความเสียหายจริงจะประกาศผลการไต่สวนและเรียกเก็บภาษีเอดีสินค้านำเข้าในชั้นต้นต่อไป" นายอดุลย์ กล่าว
สำหรับข้อมูลที่อุตสาหกรรมภายในของไทยยื่นเรื่องร้องเรียน เพราะพบว่าในปี 60 ท่อเหล็กของเวียดนามที่ส่งมาจำหน่ายในไทยอยู่ที่ตันละ 21,900 บาท ซึ่งรวมค่าขนส่งแล้ว แต่จำหน่ายในเวียดนามตันละ 22,700 บาท ขณะที่มีการนำเข้าจากเวียดนามปริมาณ 178,000 ตัน เพิ่มขึ้น 22% จากยอดการนำเข้าปี 59 ที่มีปริมาณ 145,000 ตัน
นอกจากนี้ กรมฯ ยังได้เปิดไต่สวนสินค้าเครื่องใช้ในครัวทำจากเมลามีนที่นำเข้าจากจีน โดยได้เริ่มเปิดไต่สวนไปเมื่อเดือน พ.ย.60 หลังจากที่อุตสาหกรรมภายในของไทยร้องเรียนมาว่ามีการทุ่มตลาดในไทย คาดว่าผลการไต่สวนจะออกมาเร็วๆนี้
นายอดุลย์ กล่าวว่า กรมฯยังได้สำรวจสถานการณ์ทางการค้าของประเทศต่างๆ เช่น มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด (Anti-dumping Measure:AD) มาตรการตอบโต้การอุดหนุน (Countervailing Duty: CVD) และมาตรการปกป้องจากการนำเข้าสินค้าที่เพิ่มขึ้น (Safeguard Measure: SG) พบว่ามีสินค้า 3 กลุ่มของไทย ได้แก่ เหล็กและอะลูมิเนียม กลุ่มเคมีภัณฑ์ และกลุ่มอาหารแช่เย็น อาจมีโอกาสส่งออกเพิ่มขึ้นจากการส่งออกสินค้าเข้าไปทดแทนสินค้าคู่แข่งที่ถูกใช้มาตรการเหล่านี้