นายสุพันธุ์ มงคงสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม เดือน ก.ย.61 อยู่ที่ระดับ 91.5 ลดลงจากระดับ 92.5 ในเดือนส.ค.61 โดยค่าดัชนีฯ ที่ลดลง เกิดจากองค์ประกอบยอดคำสั่งซื้อโดยรวม ยอดขายโดยรวม ปริมาณการผลิต ต้นทุนประกอบการ และผลประกอบการ
ทั้งนี้ จากการสำรวจพบว่าในเดือนก.ย. ความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมที่ปรับตัวลดลง เนื่องจากผู้ประกอบการมีความกังวลต่อราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง กระทบต่อต้นทุนการผลิตและการขนส่ง ขณะที่ผู้ประกอบการส่งออกเห็นว่า เงินบาทที่แข็งค่าเมื่อเทียบกับภูมิภาค ทำให้ความสามารถในการแข่งขันลดลง รวมทั้งปัญหาความแออัดของท่าเรือที่ทำให้เกิดความล่าช้าในการขนส่งสินค้า ขณะเดียวกันผู้ประกอบการเห็นว่าข้อพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน มีแนวโน้มจะยืดเยื้อ
ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นฯ คาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้าอยู่ที่ระดับ 109.4 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากระดับ 108.8 ในเดือนส.ค. จากองค์ประกอบดัชนีฯ คาดการณ์ที่เพิ่มขึ้น ได้แก่ ยอดรับคำสั่งซื้อโดยรวม ยอดขายโดยรวม ปริมาณการผลิต และผลประกอบการ
นายสุพันธุ์ กล่าวว่า ผู้ประกอบการได้มีข้อเสนอแนะต่อภาครัฐ โดยขอให้คงมาตรการดูแลราคาน้ำมันดีเซลให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม เพื่อไม่ให้กระทบต่อต้นทุนการผลิต และต้นทุนการขนส่งของผู้ประกอบการ พร้อมกับเสนอให้ภาครัฐใช้ประโยชน์จากสงครามการค้าในการเชิญนักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนในประเทศ และให้มีการถ่ายทอดเทคโนโลยีให้กับแรงงานไทย
"ปัจจัยเรื่องสงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ ยังคงต้องจับตาดูอย่างต่อเนื่อง โดยมีผลกระทบเกิดขึ้นชัดเจนกับกลุ่มอะลูมิเนียม แต่ในภาพรวมส่งผลดีต่ออุตสาหกรรมอื่นๆ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์" ประธาน ส.อ.ท.ระบุ
ด้านนายมนตรี มหาพฤกษ์พงศ์ รองประธาน ส.อ.ท. กล่าวว่า ถึงแม้ค่าดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมในเดือน ก.ย.61 จะปรับตัวลดลงจากเดือนก่อน แต่ค่าดัชนีฯ ยังในระดับสูงกว่าช่วงก่อนหน้านี้ โดยหากมองย้อนหลังกลับไป 6 เดือน ค่าดัชนีฯ อยู่ในระดับต่ำกว่า 90.0 ขณะที่ค่าดัชนีฯ คาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้ายังปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ดี ส.อ.ท.จะจับตาดูทิศทางของอุตสาหกรรมการพิมพ์และบรรจุภัณฑ์อีก 2-3 เดือน เนื่องจากเป็นอุตสาหกรรมที่สะท้อนถึงยอดขายของสินค้าส่วนใหญ่