นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยว่า ในปีงบประมาณ 2562 กรมสรรพากรได้รับเป้าหมายจัดเก็บภาษีตามเอกสารงบประมาณ 2562 จำนวน 2,000,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีงบประมาณ 2561 จำนวน 83,912 ล้านบาท หรือคิดเป็น 4.4%
นายเอกนิติ กล่าวว่า เพื่อให้สามารถจัดเก็บภาษีได้ตามเป้าหมายในปีงบประมาณ 2562 กรมสรรพากรจะนำเทคโนโลยีมาช่วยในการทำงานมากขึ้น ได้แก่ การนำ Digital มาใช้ในการขับเคลื่อนงานของกรมสรรพากร (Digital Transformation) เพื่อยกระดับประสิทธิภาพในการทำงานและอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้เสียภาษีอากร รวมทั้งการจัดการวิเคราะห์ข้อมูลสำคัญ (Data Analytics) ได้แก่ การเพิ่มประสิทธิภาพระบบการคัดเลือกผู้เสียภาษีเพื่อกำกับและตรวจสอบ (RBA) และการวิเคราะห์ข้อมูลของห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) นอกจากนี้ จะเร่งการขยายฐานภาษีและการสร้างความสมัครใจในการเสียภาษี เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บภาษีของกรมสรรพากรให้ยั่งยืนต่อไป
สำหรับในปีงบประมาณ 2561 (ต.ค.60 - ก.ย.61) กรมสรรพากรเก็บภาษีได้ทั้งสิ้น 1,916,088 ล้านบาท สูงกว่าปีก่อนหน้าจำนวน 123,278 ล้านบาท หรือคิดเป็น 7% และสูงกว่าเป้าหมายที่ได้รับมอบหมายจาก 4 หน่วยงานวางแผนเศรษฐกิจ (กระทรวงการคลัง, ธนาคารแห่งประเทศไทย, สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ) จำนวน 46,688 ล้านบาท หรือสูงกว่าเป้าหมายที่ 2.5%
อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวว่า ในปีงบประมาณ 2561 กรมสรรพากรได้มีมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บภาษี ทำให้สามารถจัดเก็บภาษีเพิ่มขึ้นสูงถึง 20,000 ล้านบาท ได้แก่ การตรวจวิเคราะห์ผู้ประกอบการรายใหญ่ที่มีผลขาดทุนหรือมีกำไรทางบัญชีสูงแต่ชำระภาษีต่ำ การออกหมายเรียกตรวจสอบภาษีอากรผู้ออกและผู้ใช้ใบกำกับภาษีปลอม และการแนะนำทางภาษีอากรกับกลุ่มธุรกิจเงินสด (Cash Economy) และธุรกิจที่มีศักยภาพในการเสียภาษี ประกอบกับผลจัดเก็บภาษีสำคัญได้เพิ่มขึ้น ได้แก่ ภาษีเงินได้นิติบุคคลเก็บได้ 663,514 ล้านบาท สูงกว่าปีก่อน 6.0% ภาษีเงินได้ปิโตรเลียมเก็บได้ 63,679 ล้านบาท สูงกว่าปีก่อน 61.7% จากราคาน้ำมันที่สูงขึ้น และภาษีมูลค่าเพิ่มเก็บได้ 792,998 ล้านบาท สูงกว่าปีก่อน 6.8% จากการเก็บภาษีจากการบริโภคและการนำเข้าที่ดีขึ้นจากปีก่อนๆ