นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ปัจจุบันการค้าระหว่างประเทศมีการแข่งขันที่เข้มข้นมากขึ้น มีมาตรการกีดกันทางการค้าที่ไม่ใช่มาตรการภาษีอากรเกิดขึ้นหลายรูปแบบ และมีสงครามการค้าระหว่างประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่เกิดขึ้น ส่งผลให้ผู้ส่งออกสินค้าไปยังประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่นั้น ต้องพิจารณาเลือกที่จะทำตลาดอื่นๆ ทดแทน ส่งผลให้มีสินค้าต่างชาติไหลเข้าสู่ตลาดของไทยมากขึ้น ไทยจึงควรหามาตรการรองรับสถานการณ์ดังกล่าวเพื่อเป็นเกราะป้องกันให้กับเศรษฐกิจของประเทศ ส.อ.ท. ได้พิจารณาเห็นว่าประเทศไทยควรจะหันมาให้การสนับสนุน ส่งเสริมสินค้าที่ผลิตในประเทศไทย จึงได้จัดทำโครงการ "Made in Thailand" ขึ้น
ทั้งนี้ ส.อ.ท. เล็งเห็นว่าโครงการ "Made in Thailand" ถือเป็นโครงการสำคัญระดับประเทศ จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐในการผลักดันโครงการ "Made in Thailand" โดยจะต้องมีการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดระหว่างภาครัฐและเอกชน โดย ส.อ.ท. จะเสนอให้ภาครัฐผลักดันโครงการ "Made in Thailand" เป็นวาระแห่งชาติ และเป็นผู้รับผิดชอบหลักในการดำเนินการประชาสัมพันธ์โครงการดังกล่าว โดยมีกลุ่มตลาดเป้าหมาย ประกอบด้วย 4 กลุ่ม ได้แก่ ภาครัฐ ธุรกิจเอกชน ผู้บริโภคในประเทศ และผู้นำเข้าในต่างประเทศ
"โครงการ Made in Thailand จะเป็นโครงการที่เกิดจากการทำงานร่วมกันอย่างเป็นรูปธรรมระหว่างภาครัฐและเอกชน โดยมีวัตถุประสงค์ในการส่งเสริม สนับสนุนให้คนไทยเกิดความภาคภูมิใจ และผู้บริโภคต่างประเทศมีความเชื่อมั่นในคุณภาพและมาตรฐานของสินค้าที่ผลิตในประเทศไทย ภายใต้สัญลักษณ์ Made in Thailand" นายสุพันธุ์ กล่าว
สำหรับโครงการ Made in Thailand ประกอบด้วย 4 ยุทธศาสตร์ในการดำเนินงาน ดังนี้ 1) การประชาสัมพันธ์ โดย ส.อ.ท. จะรวบรวมฐานข้อมูลสินค้า "Made in Thailand" ที่เชื่อถือได้ และพัฒนา Application Platform สินค้า "Made in Thailand" เพื่อเป็นเครื่องมือแนะนำสินค้าและเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อทั้ง 4 กลุ่มเป้าหมาย สามารถค้นหาสินค้า "Made in Thailand" ที่สนใจและตรวจสอบข้อมูลที่นำมาซึ่งความน่าเชื่อถือของสินค้า เช่น แหล่งผลิต มาตรฐานการผลิต มาตรฐานสินค้า
2) กิจกรรมเพื่อสนับสนุนการตลาด การเผยแพร่สินค้าไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งสินค้าไทยที่ยังไม่เป็นที่รู้จัก (The Unseen Product - Made in Thailand) โดยร่วมกับภาครัฐสรรหาสินค้าดังกล่าว จัดนิทรรศการเผยแพร่และประชาสัมพันธ์สินค้า "Made in Thailand" ให้เป็นที่รู้จักทั้งในและต่างประเทศ และขอความร่วมมือจากทูตพาณิชย์ไทยในประเทศต่างๆ ให้ช่วยประชาสัมพันธ์สินค้า "Made in Thailand" รวมถึงการสนับสนุนการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา (Intellectual Property) ในต่างประเทศ
3) ยกระดับสินค้าให้มีคุณภาพและมาตรฐานระดับสากล เนื่องจากมาตรฐานและนวัตกรรมเปรียบเสมือนเป็นวิธีการ หรือเครื่องมือที่จะนำไปสู่การยกระดับผลิตภาพของประเทศ จึงต้องพิจารณาให้มีหน่วยงานหลักที่เป็นแกนกลางในลักษณะที่เป็น Single Agency มีอำนาจหน้าที่ในการกำหนดทิศทางและขับเคลื่อนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการมาตรฐานของประเทศ ที่ครอบคลุมด้านการกำหนดมาตรฐาน การตรวจสอบและรับรอง และมาตรวิทยาในทุกภาคส่วน ซึ่งต้องมีการบูรณาการการดำเนินงานระหว่างหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องร่วมกันอย่างเป็นระบบครบวงจร โดยผ่านการสร้างเครือข่ายความร่วมมือหรือแพลทฟอร์ม (Platform) การทำงานที่เข้มแข็ง อีกทั้งเป็นหน่วยงานที่ทำหน้าที่ติดตามและประเมินผลการขับเคลื่อนการมาตรฐานของประเทศทั้งระบบโดยรวม
ในขณะเดียวกัน ส.อ.ท. จะให้การสนับสนุนโครงการและกิจกรรมต่างๆ ที่สอดคล้องกับการพัฒนามาตรฐานคุณภาพที่ผลิตในประเทศ เช่น โครงการพี่เลี้ยงในการพัฒนาผู้ประกอบการไทยให้ได้รับการรับรองมาตรฐานการผลิตและมาตรฐานสินค้า, โครงการพัฒนาระบบ Mini - ISO เพื่อช่วยเหลือ SME รวมทั้งสนับสนุนผู้ผลิตสินค้านวัตกรรมให้ขึ้นจดทะเบียนนวัตกรรมมากขึ้น และให้ได้รับเงินทุนจากภาครัฐในการผลิตสินค้านวัตกรรม
4) นโยบายสนับสนุนจากภาครัฐ จัดตั้งคณะกรรมการร่วมระหว่างกรมบัญชีกลาง และ ส.อ.ท. เพื่อปรับปรุงฐานข้อมูลสินค้า "Made in Thailand" และเชื่อมต่อระบบ E-Market ในการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ โดย ส.อ.ท. จะจัดสัมมนาให้ความรู้ ความเข้าใจและเชิญชวนผู้ผลิตนำข้อมูลสินค้าฯ เข้าในฐานข้อมูลสินค้าแห่งชาติ (National Product Catalogue) จัดประเภทสินค้าตามมาตรฐาน UNSPSC และเชื่อมโยงข้อมูลมาตรฐานสินค้าจากหน่วยงานต่างๆ เช่น สมอ. อย. Halal ฉลากเขียว เป็นต้น และขอให้ภาครัฐกำหนดและผลักดันแนวการปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ใช้วัสดุที่ผลิตในประเทศ ในการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐให้เป็นไปตามมติ ครม. วันที่ 29 พฤษภาคม 2550 ในทุกหน่วยงานภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ รวมทั้งจัดสัมมนาให้ความรู้หน่วยงานราชการในการเลือกซื้อสินค้า "Made in Thailand" ตามระเบียบการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ และมติ ครม. ดังกล่าว เพื่อสนับสนุนสินค้าจากผู้ผลิตในประเทศไทยที่ได้มาตรฐาน