กรมส่งเสริมสหกรณ์ แจงมาตรการจูงใจปลูกข้าวโพดหลังทำนา ใช้กลไกสหกรณ์สนับสนุนช่องทางตลาด

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday October 18, 2018 14:49 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายพิเชษฐ์ วิริยะพาหะ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ กล่าวภายหลังเปิดการประชุมชี้แจงแนวทางการดำเนินงานโครงการสานพลังประชารัฐเพื่อสนับสนุนการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์หลังฤดูทำนาว่า การประชุมครั้งนี้เป็นการขับเคลื่อนโยบายการส่งเสริมการปลูกข้าวโพดหลังฤดูทำนาของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หลังจาก 5 หน่วยงาน คือ กรมส่งเสริมสหกรณ์ กรมส่งเสริมการเกษตร กรมพัฒนาที่ดิน กรมชลประทาน และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ส่งเจ้าหน้าที่ระดับจังหวัดลงพื้นที่เพื่อชี้แจงทำความเข้าใจเกี่ยวกับการดำเนินโครงการและมาตรการจูงใจเพื่อเชิญชวนเกษตรกรทั้งที่อยู่ในเขตชลประทานและนอกเขตชลประทาน ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีความเหมาะสมในการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ตาม Zoning By Agri-Map จำนวน 33 จังหวัด ซึ่งเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการจะต้องขึ้นทะเบียนกับกรมส่งเสริมการเกษตร เบื้องต้นมีเกษตรกรให้ความสนใจประมาณ 800,000 ราย และใช้กลไกสหกรณ์เข้ามาบริหารจัดการพื้นที่เพาะปลูก การเก็บเกี่ยว การรวบรวมผลผลิต ตลอดจนประสานภาคเอกชนกำหนดราคารับซื้อล่วงหน้าและเปิดจุดรับซื้อผลผลิตจากเกษตรกรถึงในพื้นที่

เบื้องต้นมีสหกรณ์การเกษตรเข้าร่วมโครงการ 250 แห่ง ซึ่งโครงการนี้จะใช้กลไกสหกรณ์เข้ามาขับเคลื่อนตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อให้บรรลุผลสำเร็จตามเป้าหมาย โดยใช้หลักการตลาดนำการผลิตเพื่อสร้างรายได้ที่มั่นคงให้กับเกษตรกร โดยสหกรณ์การเกษตรจะทำหน้าที่บริหารจัดการพื้นที่เพาะปลูกและผลผลิต ตั้งแต่การประสานหน่วยงานเข้ามาอบรมถ่ายทอดความรู้การปลูกข้าวโพดให้กับเกษตรกร การจัดหาเมล็ดพันธุ์คุณภาพและจัดหาเครื่องจักรกลการเกษตรมาบริการเกษตรกร การรวบรวมผลผลิตข้าวโพดเมื่อถึงฤดูกาลเก็บเกี่ยว ซึ่งจะเริ่มฤดูกาลเพาะปลูกในเดือนพฤศจิกายนนี้ และคาดว่าจะเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2562

นอกจากนี้ รัฐบาลยังมีมาตรการในการจูงใจให้เกษตรกรเข้าร่วมโครงการ โดยสนับสนุนสินเชื่อจาก ธ.ก.ส.ให้เกษตรกรกู้ยืมในอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 0.01 ระยะเวลา 6 เดือน เพื่อเป็นค่าปัจจัยการผลิตและเตรียมแปลงไร่ละ 2,000 บาท รายละไม่เกิน 15 ไร่ และสนับสนุนสินเชื่อให้สหกรณ์และสถาบันเกษตรกรกู้ยืมเพื่อเป็นทุนหมุนเวียนรวบรวมข้าวโพดจากเกษตรกรในอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 0.1 พร้อมทั้งสนับสนุนเบี้ยประกันภัย 65 บาทต่อไร่ เมื่อได้รับความเสียหายจากภัยพิบัติ น้ำท่วม หรือถูกแมลงศัตรูพืชทำลาย จะได้รับเงินชดเชย ไร่ละ 1,500 บาท

อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ กล่าวว่า ในวันพรุ่งนี้ ( 19 ต.ค.) ทางกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้เชิญบริษัทเอกชน 13 ราย ซึ่งเป็นตัวแทนสมาคมผู้ผลิตอาหารสัตว์มาหารือถึงเรื่องคุณภาพและราคาข้าวโพดที่จะรับซื้อจากเกษตรกร รวมถึงกำหนดจุดรับซื้อในพื้นที่ทั้ง 33 จังหวัด โดยจะมีการแบ่งจุดรับซื้อที่แน่นอนว่าบริษัทใดจะเข้าไปรับซื้อในพื้นที่ใด ซึ่งจะต้องมีความชัดเจนภายในวันที่ 25 ตุลาคม นี้ และการเปิดจุดรับซื้อต้องเข้าถึงพื้นที่เป้าหมาย เพื่อให้เกษตรกรมีความสะดวกในการรวบรวมข้าวโพดมาขายได้ในทันทีที่มีการเก็บเกี่ยว และในช่วงบ่ายวันเดียวกัน ได้เชิญตัวแทนสมาคมผู้ผลิตเมล็ดพันธ์ มาคุยถึงเงื่อนไขในการขายเมล็ดพันธ์ให้สหกรณ์เพื่อนำไปกระจายสู่เกษตรกร ทางบริษัทจะต้องส่งนักวิชาการเข้ามาช่วยดูแลและถ่ายทอดเทคโนโลยีการปลูกข้าวโพดให้กับเกษตรกร ตั้งแต่แรกเริ่มไปจนถึงการเก็บเกี่ยว เพื่อให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพตามที่ตลาดต้องการ

สำหรับการกำหนดราคารับซื้อข้าวโพดสด ต้องไม่น้อยกว่า 5 บาทต่อกิโลกรัม ซึ่งขณะนี้ราคาข้าวโพดสดที่เกษตรกรรวบรวมขายให้เอกชนอยู่ที่กิโลกรัมละ 6.30 บาท ส่วนข้าวโพดแห้งความชื้นไม่เกิน 14.5% ราคาอยู่ที่ 9.70 บาทต่อกิโลกรัม ซึ่งเป็นราคารับซื้อหน้าโรงงาน

ทั้งนี้ การกำหนดราคาซื้อขายข้าวโพดจะต้องเป็นไปตามกลไกของตลาด แต่ต้องไม่ต่ำกว่าราคาประกาศของกระทรวงพาณิชย์ และการดำเนินโครงการครั้งนี้ กลไกสหกรณ์จะมีส่วนสำคัญทำให้การขับเคลื่อนโยบายนี้ประสบผลสำเร็จบรรลุตามเป้าหมายในการสร้างรายได้ที่มั่นคงแก่เกษตรกรได้ โดยสหกรณ์การเกษตรจะทำหน้าที่เป็นตัวกลางประสานความร่วมมือกับภาคแอกชนตามแนวทางประชารัฐ ในการเจรจากับภาคเอกชนในการทำสัญญาซื้อขายผลผลิตล่วงหน้าตามราคาประกาศของกระทรวงพาณิชย์และอยู่ภายใต้พ.ร.บ.ส่งเสริมและพัฒนาเกษตรพันธะสัญญา พ.ศ.2560 และกำหนดจุดรับซื้อผลผลิตจากเกษตรกรในพื้นที่ ซึ่งจะทำให้เกษตรกรมีความมั่นใจได้ว่าการปลูกข้าวโพดหลังนาจะมีตลาดรองรับที่แน่นอนและขายผลผลิตได้ในราคาที่เป็นธรรม โดยมีหน่วยงานต่าง ๆ ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกันเป็นพี่เลี้ยงคอยให้คำแนะนำและดูแลตลอดระยะเวลาของการดำเนินโครงการ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ